กองทุนมึนBTSซื้อเรือยอตช์ ชี้ไม่ได้ช่วยหนุนกำไรบริษัท

หัวข้อข่าว: กองทุนมึนBTSซื้อเรือยอตช์ ชี้ไม่ได้ช่วยหนุนกำไรบริษัท

ที่มา: ข่าวหุ้น ฉบับวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

 

กองทุน แคลงใจ BTS ซื้อเรือยอตช์มูลค่ากว่า 430 ล้านบาท เผยไม่ได้ช่วยหนุนธุรกิจบริษัททำกำไร ส่วนคำชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังไม่ชัดเจน เผยเตรียมขอข้อมูลเจตนาที่แท้จริงในการซื้ออีกครั้ง ส่วนขณะนี้ยังไม่กระทบเรื่องของ CG
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ถึงมติคณะกรรมการฯ บีทีเอส ได้อนุมัติให้ บริษัทฯ หรือบริษัทย่อยของบริษัทฯ เข้าทำสัญญาซื้อขายเรือบรรทุกคนโดยสาร หรือ “เรือยอตช์” จำนวน 1 ลำ ขนาดระวางบรรทุก 399 ตัน ราคาซื้อขาย 429.5 ล้านบาท จากบริษัท มังคุด แอสเซ็ทส์ จำกัด ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบีทีเอสฯ
ทั้งนี้ เนื่องจากกรรมการหรือผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการและเป็นผู้ถือหุ้นใน บริษัทมังคุดฯ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อนำเรือดังกล่าวไปใช้ในการรับรองลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ รวมถึงเป็นสวัสดิการสำหรับพนักงานของกลุ่มบริษัทฯ ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กรในระยะยาวในการสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อตัวธุรกิจในระยะยาว
ทางด้านผู้จัดการกองทุน กล่าวว่า ในฐานะนักลงทุนสถาบัน ยังรู้สึกแคลงใจในประเด็นดังกล่าวอยู่ เพราะไม่แน่ใจว่ามีวัตถุประสงค์อะไรกันแน่ในการซื้อสินทรัพย์นี้ เพราะดูเหมือนจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวธุรกิจบีทีเอสในการสร้างผลกำไรให้กับบีทีเอส และจะขอติดตามรายละเอียดต่อไป
“หากมีโอกาสได้พบผู้บริหารก็คงมีการถามถึงประเด็นดังกล่าวเพราะในฐานะนักลงทุนสถาบันการสอดส่องรายละเอียดในหลักทรัพย์ที่เข้าลงทุนถือเป็นหน้าที่สำคัญเช่นกัน เพราะเงินที่ลงทุนมาจากนักลงทุนที่เข้ามาซื้อหน่วยลงทุนเป็นหลัก”
แหล่งข่าวจากผู้จัดการกองทุน กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ลดพอร์ตลงทุนในหลักทรัพย์ของบีทีเอส เพราะทางบีทีเอสได้มีการแจ้งการซื้อทรัพย์ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว ซึ่งพอจะถือได้ว่ามีความโปร่งใสในระดับหนึ่ง และยังไม่ถือว่ามีการทำผิดกติกาในเรื่องของธรรมาภิบาล หรือ CG เพียงแต่ว่ายังติดใจในวัตถุประสงค์เท่านั้น
สำหรับมุมมองต่อบีทีเอสนั้น ธุรกิจดังกล่าวยังคงได้รับปัจจัยเชิงบวกจากการขยายระบบรางของภาครัฐที่จะมีเพิ่มขึ้นในช่วงปี 60 ซึ่งถือว่าเป็นภาพรวมที่ดีสำหรับการลงทุน และการลงทุนของนักลงทุนสถาบันจะเน้นลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐมากกว่าให้น้ำหนักในหมวดคอนสตรักชั่นเป็นส่วนใหญ่