หัวข้อข่าว: คลังเร่ง ก.ล.ต.แจงปัญหาตั๋วบีอีCHOWยันเตรียมเงินไถ่ถอนตามกำหนด
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา ฉบับวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2560
ผู้จัดการรายวัน360 – รมว.คลังสั่ง ก.ล.ต.เร่งแจงปัญหา บจ.ผิดนัดชำระหนี้ตั๋วบีอี พร้อมสั่งสอบมี บลจ.กี่รายขายตั๋วบีอีให้รายย่อยลงทุนผ่านการลงทุนในกองทุน เปรย บลจ. อาจมีปัญหาด้านธรรมาภิบาล ด้าน “เชาว์ สตีล อินดัสทรี้” ย้ำความมั่นใจนักลงทุน/ผู้ถือตั๋ว B/E ยันไร้ปัญหาช่วงไถ่ถอน เตรียมเงินพร้อมเต็มหน้าตัก และเงินเก็บไว้ใช้เพื่อการลงทุนในธุรกิจที่มีอนาคต และทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วแลกเงินหรือบีอีของบริษัท รุ่งกิจ เรียลเอสเตท จำกัด หรืออาร์เค พร็อพเพอร์ตี้ และบริษัท เนชั่นมีเดียกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG ว่าตนได้หารือกับนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแล้ว เนื่องจากยังมีอีกหลายบริษัทที่ได้ออกตั๋วบีอีไปแล้วก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาไม่สามารถชำระหนี้ตามกำหนดได้เช่นเดียวกัน
ดังนั้น จึงได้สั่งการให้นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาด หลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เร่งแก้ไขปัญหาด้งกล่าวนี้โดยเร่งด่วน เนื่องจากเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อนักลงทุนและประชาชนทั่วไป
“ผมได้กำชับให้เลขาฯ ก.ล.ต. ออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าวแล้ว เพื่อให้ทุกฝ่ายทำความเข้าใจอย่างถูกต้องโดยเฉพาะประชาชนรายย่อยที่ไม่มีความรู้ในเรื่องการลงทุนจะน่าเป็นห่วงมากที่สุด” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ตนได้กำชับกับ ก.ล.ต.เร่งชี้แจงเรื่องดังกล่าวแล้ว พร้อมทั้งยังสั่งให้ตรวจสอบบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ว่ามีแห่งใดบ้างที่ได้ซื้อตั๋วบีอีที่มีปัญหาเรื่องการชำระหนี้คืนหรือไม่ เนื่องจากหลักเกณฑ์ที่ ก.ล.ต. กำหนดคือ ห้ามขายตั๋วบีอีให้นักลงทุนรายย่อย แม้หลักเกณฑ์ดังกล่าวจะถือว่าเป็น หลักเกณฑ์ที่ดีมากก็ตาม แต่ก็ยังมีการอาศัย ช่องโหว่โดย บลจ. ซึ่งถือว่าเป็นนักลงทุนรายใหญ่ได้ขายตั๋วบีอีให้แก่นักลงทุนรายย่อยที่ลงทุนผ่านกองทุน แต่เมื่อบริษัทผู้ออกตั๋วมีการผิดนัดชำระหนี้คืนผู้ถือหน่วยลงทุนซึ่งคือกองทุนแล้วก็ย่อมส่งผลกระทบต่อตัวนักลงทุนที่ซื้อหน่วยลงทุนผ่าน บลจ. นั้นด้วย
“ก.ล.ต.ต้องไปตรวจสอบว่ามี บลจ. กี่แห่งที่ถือตั๋วบีอีเอาไว้ในมือและต้องถามด้วยว่าซื้อด้วยเหตุผลใด เพราะตั๋วบีอีไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ บลจ.ที่ดีก็ไม่ควรที่จะลงทุน ซึ่งเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับธรรมาภิบาลที่ดีด้วย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าว
นายอภิศักดิ์ ยังกล่าวต่ออีกว่า ในปัจจุบันมีหลายวิธีที่บริษัทที่ไม่สามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินยังสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ และการออกตั๋วบีอีก็ถือเป็นหนึ่งในวิธีเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยมีนักลงทุนรายใหญ่ประเภทสถาบันเป็นผู้ลงทุนในตลาดดังกล่าวนี้ ซึ่งกระทรวงการคลังไม่ได้มีความเป็นห่วงนักลงทุนกลุ่มนี้เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญมากกว่านักลงทุนรายย่อย แต่เนื่องจากในช่วงนี้มักจะมีปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วบีอีมากขึ้นจึงทำให้เกิดความกังวลว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากในเวลานี้มีตั๋วบีอีใหม่ๆ ที่เพิ่งออกมา แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าลงทุนแล้ว CHOW ย้ำความมั่นใจตั๋ว B/E ไร้ปัญหา
นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW เปิดเผยถึงกระแสข่าวเรื่องตั๋วบีอี ที่กำลังถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในขณะนี้ว่า ขอยืนยันว่าตั๋วบีอีที่ออกโดย CHOW ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด โดยบริษัทฯ เตรียมเม็ดเงินไว้สำหรับชำระคืนตั๋วบีอีที่ถึงกำหนดชำระแล้ว ซึ่งเดือนมกราคมนี้ตั๋วบีอีของบริษัทฯ มีกำหนดชำระคืน 600 ล้านบาท และบริษัทฯได้เริ่มทยอยคืนมาตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2560 จำนวน 150 ล้านบาท วันที่ 12 มกราคม 2560 จำนวน 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะครบกำหนดคืนในวันที่ 19 และ 26 มกราคม 2560 ซึ่งได้เตรียมเม็ดเงินไว้พร้อมแล้วเช่นเดียวกัน
“ผมขอยืนยันว่าตั๋วบีอีของ CHOW ไม่มีปัญหาแน่นอน และลูกค้าทุกคนได้รับทราบแล้วเป็นอย่างดี โดยก่อนจะถึงครบกำหนดชำระประมาณ 2 สัปดาห์ บริษัทฯ จะติดต่อไปยังผู้ลงทุนเพื่อสอบถามความสมัครใจว่าต้องการต่ออายุหรือไม่ และถ้าต้องการรับเงินคืนบริษัทฯ ก็พร้อมชำระตามกำหนดทุกครั้งไป ไม่เคยผิดนัดชำระแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งเราเชื่อว่านักลงทุนเข้าใจ เพราะที่ผ่านมา CHOW ทำธุรกิจอย่างตรงไปตรงมา และเงินทุกบาททุกสตางค์เรานำไปขยายธุรกิจตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งต่อนักลงทุนไว้ จะเห็นได้จากธุรกิจพลังงานที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง” นายอนาวิลกล่าว.