หัวข้อข่าว: ชี้’ผ่องพรรณ’ผิดสำเร็จแล้ว อ้างสามีใช้เครื่องทอ. ยื่นสอบ’บ.ลูกบิ๊กติ๊ก’เพิ่ม
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา ฉบับวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559
“ศรีสุวรรณ” ร้อง ป.ป.ช.อีก คราวนี้คิว “ลูกชายบิ๊กติ๊ก” รับงาน ทภ.3 รวม 7 โครงการ งบเกือบ 100 ล้าน ฟันธง “ผ่องพรรณ” บินเครื่อง ทอ.เปิดฝายความผิดสำเร็จแล้ว ขู่ยื่นศาลปกครอง หาก ป.ป.ช. เพิกเฉย ด้าน “วิษณุ” แจงหลัก กม. 4 ชั่วโคตร ปัดตอบลูกเมีย “บิ๊กติ๊ก” เข้าข่ายหรือไม่
วานนี้ (22 ก.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ เข้ายื่นหนังสือถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีบุตรชาย พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้จัดตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัดรับเหมาก่อสร้าง ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 ถึง 7 โครงการ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 97 ล้านบาท โดยห้างหุ้นส่วนจำกัด ดังกล่าวจัดตั้งในปี 2555 ในระหว่างที่ พล.อ.ปรีชาเป็นแม่ทัพภาคที่ 3 ซึ่งมีความเชื่อจะต้องเกี่ยวข้องกับ พล.อ.ปรีชาแน่นอน เนื่องจากบริษัทดังกล่าวมีทุนจดทะเบียนเพียง 1.5 ล้านบาทเท่านั้นและยังไม่มีประสบการณ์พอ แต่กลับผ่านการประมูลโครงการขนาดใหญ่ จึงเห็นว่า เรื่องดังกล่าวอาจเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อน ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535
ชี้ขึ้นเครื่อง ทอ.ความผิดสำเร็จ
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า เรื่องนี้สังคมมีความคลางแคลงใจ จึงขอ ป.ป.ช สอบสวนตามอำนาจหน้าที่เพื่อให้ความจริงปรากฏ เพราะการที่บุคคลใกล้ชิดนักการเมือง หรือผู้มีอำนาจรัฐ ไปดำเนินโครงการที่ใช้ภาษีประชาชนเป็นเรื่องไม่สมควร สังคมจะไม่ยอมรับและหากปล่อยให้มีเรื่องเหล่านี้อยู่ คสช.จะยึดอำนาจเพื่ออะไร โดยเฉพาะในช่วงที่มีการปฏิรูป แม้จะมีการออกมาปฏิเสธ แต่ก็ไม่ควรปล่อยผ่านเรื่องนี้ รวมถึงการรณรงค์ต่อต้านคอร์รัปชันของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่พยายามโฆษณา ชวนเชื่อ แต่กลับเกิดเรื่องกับคนที่ใช้นามสกุลเดียวกัน
นายศรีสุวรรณ ยังได้กล่าวถึง กรณี คณะของนางผ่องพรรณ จันทร์โอชา ภรรยา พล.อ.ปรีชา ใช้เครื่องบินของกองทัพอากาศ เดินทางไปเปิดฝายที่ จ.เชียงใหม่ ด้วยว่า การใช้ทรัพย์สินของราชการแม้แต่บาทเดียวก็ถือว่าเป็นความผิดสำเร็จ โดยการนำเครื่องบินออก 1 ครั้ง มีมูลค่ามากกว่างบประมาณการก่อสร้างฝายที่ พล.อ.ปรีชาระบุว่า 7,800 บาทแน่นอน ทั้งการเดินทางลงพื้นที่แต่ละครั้งต้องมีบุคลากรทางทหารออกมาต้อนรับดูแล แม้จะออกมาปฏิเสธอย่างไรก็ตาม ก็ถือว่าเข้าข่ายความผิดของ ป.ป.ช.แล้ว ดังนั้นหาก ป.ป.ช.ไม่รับเรื่องนี้ไว้พิจารณา ก็ยังมีช่องทางการนำเรื่องดังกล่าวฟ้องร้องต่อศาลปกครอง
ปัดตอบเข้าข่าย กม.4 ชั่วโคตร
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการขัดระหว่างประโยชน์ส่วนตัวกับประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ. . หรือที่เรียกกฎหมาย 7 ชั่วโคตร ว่าสภาขับเคลื่อน การปฏิรูปประเทศ (สปท.) ยกร่างกฎหมาย ดังกล่าวก่อนส่งมาให้รัฐบาลพิจารณา แม้เคยเรียกว่าเป็นกฎหมาย 7 ชั่วโคตร แต่ที่จริงเอาผิดเพียง 4 ชั่วโคตร คือ ตัวข้าราชการที่ทำผิด บุตร พ่อแม่ และพี่น้องที่เข้าข่ายไปเอื้อประโยชน์ต่อกัน โดยขั้นตอนขณะนี้หลังจากส่งร่างกฎหมายนี้ไปให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจซึ่งขณะนี้พิจารณาเสร็จแล้ว ทั้งนี้ ตนขอให้นำรายละเอียดของกฎหมายขึ้นเว็บไซต์เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ และส่งให้แต่ละกระทรวงไปศึกษา หากไม่ชัดเจนก็จะนำไปปรับปรุงแก้ไขกว่า 1 เดือน ก่อนส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาภายในปีนี้ ซึ่งตนมองว่ากฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายที่ปราบโกงอย่างแท้จริง แต่จะแก้ปัญหาคอร์รัปชันอยู่หรือไม่นั้น ไม่สามารถตอบได้
“กฎหมายนี้ไม่ถึง 7 ชั่วโคตร เป็นเพียง 4 ชั่วโคตรเท่านั้น คือ ตัวผู้กระทำผิดเป็น โคตรที่ 1 ถ้าเอื้อประโยชน์ต่อลูกเป็นโคตรที่ 2 พ่อแม่เป็นโคตรที่ 3 และพี่น้องเป็นโคตรที่ 4 จบแค่นี้ ไม่ใช่ทำผิดแล้วไปลงโทษ 4 ชั่วโคตร เหมือนสมัยก่อน” นายวิษณุ กล่าว
เมื่อถามว่ากรณีบริษัทรับเหมาก่อสร้างของ นายปฐมพล จันทร์โอชา บุตรชายของพล.อ.ปรีชา รับงานก่อสร้างของกองทัพภาคที่ 3 เข้าข่ายความผิดกฎหมายฉบับดังกล่าวหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะกฎหมายยังไม่บังคับใช้ และจะผิดหรือไม่นั้นตนก็ไม่ทราบ ทั้งนี้หากเป็นกระบวนการชั้นวินัย ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ตรวจสอบเอง แต่ถ้าเป็นความผิดทางกฎหมาย ก็ต้องฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตได้
“ถึงมีนามสกุลเดียวกันแล้วมารับงานในลักษณะนี้ก็ไม่ได้มีปัญหา มิฉะนั้นคนในนามสกุลนั้นๆก็ไม่ต้องทำมาหากิน เพียงแต่คนที่มีอำนาจอนุมัติโครงการต้องไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย ถ้าผู้เสนอเรื่องมานั้นเป็นลูกหรือญาติ ก็ต้องให้คนอื่นใช้ดุลพินิจอนุมัติ” นายวิษณุ กล่าว
ส่วนกรณีการขอใช้เครื่องบินของกองทัพอากาศโดย พล.อ.ปรีชา เพื่อให้คณะของ นางผ่องพรรณโดยสารนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ขอตอบในเรื่องนี้ แต่ใครก็สามารถขออนุญาตใช้เครื่องบินได้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้อนุญาต ส่วนจะมีความผิดหรือไม่นั้นขึ้นอยู่ที่คนใช้ดุลพินิจอนุญาต ไม่ใช่คนขอหรือคนใช้.