ทุจริตต้องปราบให้สิ้นซาก

หัวข้อข่าว: ทุจริตต้องปราบให้สิ้นซาก

ที่มาก: คอลัมน์ กฎหมายคลายทุกข์, แนวหน้า ฉบับวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2559 โดย ส.ดำเนินสะดวก

 

กระทรวงยุติธรรมแต่งตั้งแพทย์หญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ เป็นที่ปรึกษาเกี่ยวกับคดีการตายของนายธวัชชัย อนุกูล ในที่ คุมขังของ DSI

 

ฟังคำพูดตรงไปตรงมาในการแถลงข่าวของแพทย์หญิง พรทิพย์เกี่ยวกับหลักการพิสูจน์ศพว่า การตายนั้นตายก่อนหรือหลังการผูกคอ หรือในเรื่องที่นายธวัชชัยตับแตกเพราะอะไรก็สามารถพิสูจน์ได้ ในการสอบสวนนั้น พนักงานสอบสวนต้องมีความรู้ และในอีกหลายๆ เรื่องที่ให้สัมภาษณ์ล้วนแล้วแต่เป็นความรู้ของทุกฝ่าย ที่ต้องทำคดีเกี่ยวกับ การตายผิดธรรมชาติของคน

 

จะอย่างไรก็แล้วแต่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมตัวของนายธวัชชัยคงหายใจไม่ทั่วท้อง โดยเฉพาะ DNA ของใคร ซึ่งไปปรากฏอยู่บนถุงเท้าของนายธวัชชัย เมื่อผลการพิสูจน์ ออกมาชัดแจ้ง เจ้าของ DNA ต้องชี้แจงข้อเท็จจริงให้ได้ว่า เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ที่น่าแปลกใจก็คือห้องควบคุมตัวนายธวัชชัยควรอย่างยิ่งที่จะต้องมีกล้องวงจรปิดติดไว้อย่างถาวรและใช้งานได้ตลอดกาล แต่กลับปรากฏว่ากล้องไม่สามารถบันทึกภาพสาเหตุการตายของนายธวัชชัย เป็นเหตุให้สังคมมองพฤติการณ์เจ้าพนักงานผู้ควบคุมตัวนายธวัชชัย อย่างมีข้อกังขา แม้พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา ซึ่งเคยออกมา ปกป้อง เวลานี้พลเอกไพบูลย์ก็อยากรู้ความจริงว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับการตายของนายธวัชชัย และลึกๆ ไปกว่านั้นห้องที่เคยควบคุมตัวนายธวัชชัยก็เคยควบคุมตัวบุคคลสำคัญที่เคยก่อการถล่มวัดพระแก้วก็ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ห้องนี้ ก็มีเหตุการณ์บางอย่าง ที่คิดไม่ถึงในวงการยุติธรรม ซึ่ง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ รู้ดี การรณรงค์ปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นสิ่งที่ควรทำ ที่ผ่านมาผู้กระทำผิดคิดร้ายต่อแผ่นดินด้วยการทุจริตคอร์รัปชั่น กระทำมิชอบด้วยกฎหมายก็เดินเข้าสู่เรือนจำอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีอดีตสส. อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร กำลังถูกบรรจุเข้ากระบวนการยุติธรรม แม้บุคคลระดับอดีตรัฐมนตรีที่มีปัญหาไม่โปร่งใสในโครงการบ้านเอื้ออาทร ซึ่งคดีถูกดอง มาเกือบสิบปีก็กำลังจะถูกชี้มูลความผิด

 

การกระทำของรัฐบาลก็ดี การกระทำของผู้รับผิดชอบในกระบวนการยุติธรรมก็ดี อาจถูกมองว่า มีการกระทำสองมาตรฐาน แต่ถ้าใครได้ศึกษา ได้เรียนรู้หรือได้เข้าไปเกี่ยวข้อง จะเข้าใจได้ทันทีว่า การจะจับกุม สืบสวน สอบสวน แจ้งข้อกล่าวหากับใครก็ดี การไต่สวนชี้มูลความผิดของ ป.ป.ช.ก็ดี นับเป็นดาบ สองคม หากไปกลั่นแกล้งใครก็เข้าตัวเอง แต่ถ้าทำไปตามเนื้อผ้า เขาเหล่านั้นก็มีเกราะป้องกันตัว เครื่องมือที่มีส่วนอันสำคัญ ที่จะทำให้เขารอดพ้นจากคดีก็คือ การกระทำอย่างโปร่งใส มีข้อเท็จจริงและกฎหมายรองรับ ไม่ใช่ตายโดยการแขวนคอตนเอง

 

ด้วยถุงเท้าภายในห้องที่ควรจะมีกล้องวงจรปิดแต่กล้องเกิดพิการในขณะที่มีเหตุสำคัญ จนต้องตกเป็นจำเลยต่อสังคม ก่อนอื่นต้องขอชม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่มุ่งหน้าที่แก้ไขปัญหาของชาติ การทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นตัวถ่วงชาติให้เจริญก้าวหน้าไม่ได้ จึงเกิดนโยบายปราบโกง ซึ่งต่างกับขบวนปราบโกงลวงโลกของเหล่าแกนนำ นปช.หลายคน ที่หลังจากเคลื่อนไหวไม่นาน คนโกงตัวจริงก็ถูกย้ายบ้านเข้าไปอยู่ ในเรือนจำหลายคนดังที่เป็นข่าว เพราะขบวนการทุจริตคอร์รัปชั่น โกงชาติทั้งหลายก็คือนักการเมืองที่ถูกส่งเข้าไปขังและอีกจำนวน ไม่น้อยกำลังจะทยอยถูกคุมขังหลังการพิจารณาของศาลถึงที่สุด การที่พลเอกประยุทธ์เป็นผู้นำในการเปิดไฟไล่โกง เป็นการจุด ประกายให้ประชาชนตื่นตัวที่จะร่วมมือกับรัฐ ช่วยกันกำจัด การคอร์รัปชั่น เพราะหลังวันที่ 11 กันยายน 2559 ซึ่งเป็น วันนัดชุมนุมจุดไฟไล่โกง ก็เกิดมีการเปิดโปงการทุจริต จนเป็นข่าวขึ้นหลายแห่งและต่อไปจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ

 

มีอยู่เรื่องหนึ่งซึ่งหากมีการโกงกันจริงก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ เป็นการโกงกันในระดับชาติ คือเรื่องการบริจาคเงินช่วยค่าทำศพ ค่าบาดเจ็บของคนเสื้อแดงทั้งหลายที่เกิดกรณีชุลมุนและเป็นการกล่าวกันว่า มีการบริจาคเงินดังกล่าวถึง 68 ล้านบาท มีการนำออกมาทวงถามกันที่พรรคเพื่อไทยว่าเงินนั้นไม่ถึงมือผู้บาดเจ็บหรือตาย เรื่องนี้มีประเด็นว่า ใครเป็นผู้รับผิดชอบ เงินหายจริงหรือไม่ เกี่ยวข้องกับใครบ้าง

 

เป็นเรื่องน่าสนใจจริงๆ การทุจริต การโกงต้องปราบ ให้สิ้นซาก