หัวข้อข่าว: นักการเมืองชื่อลุงตู่
ที่มา: คอลัมน์ ใบตองแห้ง, ข่าวสด ฉบับวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559
ถ้าเป็น “ฝายชินวัตรพัฒนา” หรือ “ฝายแม่พจมานพัฒนา” ป่านนี้น่าจะเละไปแล้วเปล่า ไม่ได้มาซ้ำเติม “คุณแม่ผ่องพรรณ” ผมเห็นด้วยที่ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา พูดไว้เมื่อครั้งบรรจุลูกชายเข้ารับราชการทหารว่า “ใครๆ ก็ทำกัน” เป็นเพราะนามสกุลเท่านั้น
ไปไล่ดูสิครับ ลูกหลานตำรวจทหารชั้นผู้ใหญ่มีตั้งมากเข้ารับราชการวิธีพิเศษ คุณหญิงคุณนายภริยาบิ๊กๆ ไปแจกของชาวบ้าน ก็มีผู้ติดตามสลอน แต่ที่ผ่านมา มาตรฐานสังคมไทยจับจ้องเฉพาะนักการเมือง กระทั่งนักการเมืองหมดอำนาจวาสนา คนที่มีอำนาจแทนก็ถูกจับจ้องเป็นของธรรมดา
พล.อ.ปรีชาพูดไม่ผิด ถ้าไม่ใช่น้องพล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่โดนขนาดนี้ แต่เมื่อท่านมีพี่เป็นนายกฯ เป็นหัวหน้าคสช. เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในปฐพี ก็ปฏิเสธไม่ได้ที่ต้องถูกโฟกัสกว่าคนอื่น
ถ้ายังไม่รู้ตัว ก็ควรตระหนักได้แล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ วันนี้ แม้ไม่มาจากเลือกตั้ง ก็ถูกจับจ้องไม่ต่างกับ “นักการเมือง” ตระกูลจันทร์โอชาไม่ว่าเต็มใจหรือไม่ก็ตาม ก็ต้องระวังตัวเหมือน “ตระกูลนักการเมือง”
ฉะนั้น ต่อให้เก็งล่วงหน้า ป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์ 9-0 ไม่ได้ ทำอะไรผิด ก็ต้องทำใจรับคำวิจารณ์ว่า “ไม่เหมาะสม” น่าจะทำตัวเรียบง่าย สมถะ ระมัดระวัง ให้สมกับความ ยิ่งใหญ่ของพี่ชาย ฯลฯ ภาษาพระเรียกว่า “โลกวัชชะ” โทษทางโลก คำติฉินนินทาที่ห้ามไม่ได้
ในทางกฎหมายไม่ผิดจริงๆ นะครับ แอ่นอกรับประกันก่อนคุณสุภา ปิยะจิตติ ทายาทวิชา มหาคุณ ได้เลย หจก.ลูกชายชนะประมูล e-auction โปร่งใส ไม่เข้าข่ายมาตรา 100 กฎหมาย ป.ป.ช. ไม่ติดคุก 2 ปีเหมือนทักษิณ เพราะการประมูลเกิดหลังพ้นตำแหน่งแม่ทัพภาค 3 กฎหมายปัจจุบันเอาผิดแค่คู่สมรส ยังไม่ขยายเป็น 3 ชั่วโคตร ฯลฯ
ภริยานายทหารเหมาลำซี 130 ไปทำประโยชน์ให้ชาวบ้าน ผิดตรงไหน ไม่เหมือนยุคทักษิณ พวก ตท.10 อาศัยเที่ยวบินไปงานวันเกิดน้องสาวที่เชียงใหม่ เป็นเรื่องใหญ่โต โจมตีเอาเป็นเอาตาย ชื่อฝายบนป้ายก็ชาวบ้านทำให้ ใครไม่รู้ ทะลึ่งเอาขึ้นเว็บไซต์ คงพวกอกหักโยกย้ายจ้องทำลาย
ไม่ผิดครับ ไม่ผิดกฎหมาย นักเปิดไฟไล่โกงยืนยันได้ แต่สังคมซุบซิบอย่างไรเป็นอีกเรื่อง
กระนั้นในทางการเมือง เรื่องนี้คงไม่กระทบอะไรนัก ต่อรัฐบาล คสช. โดยเฉพาะลุงตู่ที่ยังหิ้วปิ่นโตวัดมากิน กลางวัน เปิดผัดกะเพราผักน้ำพริกโชว์แฟนเพจ “กินเพื่ออยู่ ไม่ได้อยู่เพื่อกิน” กินง่ายๆ แบบทหาร ทั้งที่ขายที่ได้ 600 ล้าน ซาบซึ้งน้ำตาจะไหล
ตอนรัฐประหารใหม่ๆ พวกเสื้อแดงปรามาส ลุงตู่ “ไม่ฉลาด” ที่ไหนได้ ทั้งบุคลิกเฉพาะตัวและฝ่ายเสธ. พร้อมพรั่ง ทำอะไรถูกจริตคนชั้นกลางทุกอย่าง ไล่ไปขายยาง ดาวอังคารก็ชอบใจ ขู่ตัดหัวนักข่าวยิ่งชอบใจ วันไหนไม่เห็น ลุงตู่มีน้ำโห รู้สึกชีวิตขาดรสชาติ ไม่เติมเต็มความสุข
อีกไม่กี่วัน พล.อ.ปรีชาจะเกษียณอายุ ฉะนั้นเรื่องนี้ คงเงียบหายไป เว้นแต่ไอ้พวกประชาธิปไตยพากันไปดูฝาย ดูสิ่งก่อสร้าง ก็จะถูกจับถูกรุมประณาม ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย บ่อนทำลายความมั่นคง เหมือนตอนมีข่าวลูกชายเข้ารับราชการ ก็มีคนประชดประเทียด จบปริญญาตรีเหมือนกัน อยากติดร้อยตรีต้องทำไง แต่พอไอ้พวกประชาธิปไตยยกเรื่อง UPR วิพากษ์ละเมิดสิทธิมนุษยชน ก็ว่า “ทำไมต้องยืมปากต่างชาติด่ารัฐบาลตัวเอง”
เราอยู่ในยุค Uncle Tu saranang kajchami เหลือแต่ลุงตู่เป็นที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยว ไม่มีใครสั่นคลอนลุงตู่ได้ง่ายๆ ในเมื่อสังคมมืดบอด ผู้คนไม่เชื่อมั่นประชาธิปไตย มองไม่เห็นทางออก ไม่เห็นอนาคต ตกเป็นเหยื่อ Stockholm Syndrome จนเชื่อว่าสยบยอมต่ออำนาจยังเห็นทางรอดมากกว่า
กรณีพล.อ.ปรีชาและภริยาเป็นเพียงอุทาหรณ์ ให้รัฐบาล คสช. ตลอดจนนายทหารระดับสูง ระมัดระวังพฤติกรรม ไม่ต่างกับกรณีรถเบนซ์รองนายกฯ แต่ไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงอะไร กระแสคนชั้นกลางไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่ ไม่เหมือนอีปูโกงจำนำข้าว 7 แสนล้านทำชาวนาฆ่าตัวตาย ไม่ว่าจะมีข่าวอะไร โยกย้ายรองผู้ว่าฯ ไม่ได้รับความเป็นธรรม น้องชายผบ.ทบ.ข้ามไปเป็นแม่ทัพภาคสี่ ฯลฯ
ตราบใดที่ลุงตู่ยังหิ้วปิ่นโตมาสนองความเกลียดชังของแฟนคลับ พร้อมกับสามารถขี่กระแสวิตกกังวลของคนวงกว้าง ก็จะยังได้คะแนนนิยมท่วมท้นอยู่เช่นนี้ เป็น “นักการเมือง” เหนือนักการเมืองที่สังคมประณาม แม้คนอีกข้างตะโกนว่า “ประเทศกำลังถอยหลัง” ก็ไม่ต้อง แยแสสนใจ