หัวข้อข่าว: บันทึกอีกหน้า ‘จีทูเจี๊ยะ
ที่มา: คอลัมน์ เปลว สีเงิน คนปลายซอย, ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2559
วานนี้ (๑๙ กันยายน) “อภิรดี ตันตราภรณ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เซ็นหนังสือคำสั่งบังคับทางปกครอง เรียกค่าเสียหายกรณีการขายข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ๒ หมื่นล้านบาท จากนักการเมืองและข้าราชการจำนวน ๖ รายแล้วนั่นเป็นการลงนามแทนนายกรัฐมนตรีส่วน “ชุติมา บุณยประภัศร” ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ลงนามแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไปก่อนแล้ว
ขั้นตอนต่อไป จะมีการส่งหนังสือไปยังนักการเมืองและข้าราช การทั้ง ๖ คน
๖ คนที่ว่ามีใครบ้าง ๑.นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ๒.นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ ๓. อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ ๔.นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ๕.นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศและ ๖.นายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศเสร็จแล้วรอเวลาตอบกลับภายใน ๓๐ วัน หากครบกำหนดแล้ว ยังไม่มีการตอบกลับจะมีการส่งหนังสือแจ้งเตือนไปอีกรอบใน ๑๕ วัน
แน่นอนครับการเข้าสู่ขั้นตอนของกรมบังคับคดี จะยังไม่เกิดขึ้นในทันที เพราะทั้ง ๖ รายที่ว่านี้ต้องอุทธรณ์ให้เลิกคำสั่งที่ว่านี้และคงขอให้ศาลปกครองสั่งคุ้มครองชั่วคราว เป็นอันว่ากระบวนการเรียกค่าเสียหายจาก “จีทูจี” โครงการรับจำนำข้าว เดินหน้าไม่สะดุด แต่จะกระเทือนไปถึงบรรดา “เจ๊ๆ” หรือไม่ยังต้องดูกันยาวๆ ครับ
อย่างไรก็ตามพิสูจน์ให้เห็นว่า “ทีมวีรสตรี” ในกระทรวงพาณิชย์ ห้าวหาญในการรักษาผลประโยชน์ชาติ ชนิดนักการเมืองชายอกสามศอกไม่ได้เศษเสี้ยวของความกล้ามีเสียงขู่มาจากพรรคเพื่อไทยว่า หลังเกษียณอายุราชการแล้วให้ระวังตัวจะถูกเล่นงานกลับ….
ครับ…นี่แหละธาตุแท้….จริงอยู่หลายปีมานี้มีข้าราชการระดับสูงติดคุกกันหลายคน เพราะรับใช้นักการเมืองชนิดไม่ลืมหูลืมตา ไม่สนใจว่าเรื่องที่ทำไปนั่น มันผิดกฎหมาย!
แต่มันต่างไปจากกรณีนี้อย่างสิ้นเชิง ข้าราชการยุคหนึ่งทำเพื่อประโยชน์นายใหญ่ ขณะที่ข้าราชการอีกยุคเห็นผลประโยชน์ชาติมาก่อนเรื่องอื่น มันก็มีคำตอบอยู่ในตัวว่าหลังเกษียณอายุราชการแล้ว ชีวิตใครจะสงบสุขกว่ากัน
หลังเลือกตั้งหากพรรคเพื่อไทยกลับเข้าสู่อำนาจ “ชุติมา บุณยประภัศร” จะถูกเล่นงานหรือไม่? คือถ้าคดีจบ ๖ คนข้างต้นต้องจ่ายค่าเสียหาย ๒ หมื่นล้าน หรือไปอยู่เป็นเพื่อนเสี่ยเปี๋ยง รายการตามเช็กบิลเกิดขึ้นแน่
แต่อย่าไปกลัว เรื่องขู่ มันก็ขู่กันได้ แต่หากไปดูในรายละเอียดของคดี หลักฐานมันชัด ใครทำให้เกิดความเสียหาย เท่าไหร่ อย่างไร ต่อให้เอา ม.๔๔ ที่คุ้มกะลาหัวออกไปก็ยังมี “ความจริง” คุ้มครองอยู่
เอาง่ายๆ ลองเทียบกับกรณี ศาลอาญา แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ พิพากษานางเบญจา หลุยเจริญ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และอดีตอธิบดีกรมศุลกากร จำคุก ๓ ปี ดูครับ มันต่างไปอย่างสิ้นเชิง
นั่นมันความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ ตามประ มวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ กรณีช่วย นายพานทองแท้ และ น.ส. พินทองทา ชินวัตร บุตรของนายทักษิณ เลี่ยงภาษี มันต่างกันมาก!ทุกวันนี้คนในพรรคเพื่อไทยเอาแต่เพ้อว่าตัวเองถูกแกล้ง ถูกเช็กบิล รู้สึกแบบนั้นในทุกๆ เรื่องครับ
ไม่มีการยอมรับผิดเลยแม้กรณีเดียว ถอดถอนไปก็เยอะ ติดคุกไปก็แยะ แต่ยังมโนว่าตัวเองถูกหมด แล้วนักการเมืองพวกนี้จะอยู่ร่วมในขบวนการปฏิรูปประเทศได้อย่างไร? น่าหนักใจครับ…….ความเมียไม่ทันหายความลูกเข้ามาแทรก ช่วงนี้ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม น้องชายนายกฯ ลุงตู่ คงนอนเอาแขนก่ายหน้าผากทุกคืน
เพราะมีเรื่องให้ท่านต้องสะสางครับสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เขาไปสืบเสาะมา พบว่า หจก.คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น ซึ่งมีบุตรชาย พล.อ.ปรีชา ถือหุ้นเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ เป็นคู่สัญญารับเหมาก่อสร้างหน่วยงานในกองทัพภาคที่ ๓ ส่วนหน้า อย่างน้อย ๒ โครงการ
๑.ก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ของกองทัพภาคที่ ๓ จังหวัดทหารบกเพชรบูรณ์ ค่ายพ่อขุนผาเมือง วงเงิน ๑๓,๖๘๐,๐๐๐ บาท ทำสัญญาวันที่ ๒๓ มี.ค.๕๘ (สัญญาเลขที่ ๓๔/๒๕๕๘)
๒.ก่อสร้างตึกแถวนายทหารประทวน 10 ครอบครัวของโรงพยาบาลค่ายวชิรปราการ ต.น้ำริม อ.เมืองตาก จ.ตาก วงเงิน ๑๓,๒๘๐,๐๐๐ บาท ทำสัญญาวันที่ ๒๕ เม.ย.๕๙ (เลขที่สัญญา ๗๐/๒๕๕๙ )
รวมวงเงิน ๒ โครงการ ๒๖,๙๖๐,๐๐๐ บาทข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หจก.คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น จดทะเบียนวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ทุน ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท รับเหมาก่อสร้างทั่วไป ที่ตั้งเลขที่ ๑๒๘/๓๑/๐๐๗ ตำบลอรัญญิก อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ณ วันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๖
นายปฐมพล จันทร์โอชา (บุตรชาย) น.ส.พัชรินทร์ ธีรวงศ์ภาสกร นางวัลละภา จันทร์โอชา ถือหุ้นด้วยเงินคนละ ๕๐๐,๐๐๐ บาท (๓๓.๓๓%) นายปฐมพล จันทร์โอชา น.ส.พัชรินทร์ ธีรวงศ์ภาสกร เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ แจ้งผลประกอบการปี ๒๕๕๘ รายได้ ๔๕,๓๔๒,๙๒๗ บาท กำไรสุทธิ ๑,๙๖๘,๑๑๑ บาท
ปฏิพัทธ์ จันทร์โอชา เคยปรากฏเป็นข่าวในช่วงเดือน เม.ย.๕๙ กรณีมีการเผยแพร่เอกสารลับ บรรจุเข้ารับราชการในตำแหน่งรักษาราชการแทนนายทหารปฏิบัติการกิจการพลเรือน กองทัพภาคที่ ๓ (อัตรา พ.ต.) รับเงินเดือน ระดับ น.๑ ชั้น ๑๘ (๑๕,๐๐๐ บาท) และแต่งตั้งยศเป็นว่าที่ร้อยตรี (เหล่า สบ.)….
เบื้องต้นต้องทำความเข้าใจก่อนนะครับ บริษัทลูกชายปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นคู่สัญญากับกองทัพ มันก้ำกึ่งในประเด็นจริยธรรม ถ้าเป็นยุคถนอม ณรงค์ ประภาส คงเป็นเรื่องปกติ ไม่มีใครทักท้วง แต่นี่ยุครัฐบาล คสช. ที่ประชาชนคาดหวังว่าจะพาประเทศไปสู่ยุคปฏิรูปได้สำเร็จ เม็ดเงินจากโครงการที่ลูกชาย พล.อ.ปรีชาเป็นคู่สัญญากับกอง ทัพ ไม่ได้มีปริมาณมากมายอะไร แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ปัญหาคือมันใกล้ตัว ไปทำมาหากินนอกกองทัพไม่ดีกว่าหรือ แม้ท่านจะบอกว่าเป็นเรื่องของลูกชาย ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องอะไร แต่ชาวบ้านเขาไม่คิดแบบท่านนะครับ และมันเป็นประเด็นที่ท่านต้องสนใจให้มาก
ต้องรับรู้ว่า ประชาชนเขาคิดอย่างไร? ที่จริงควรจะรู้ได้ด้วยตัวเอง แล้วหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิด เมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้ว ท่านก็ต้องแก้ไขให้ถูกต้อง กรณีแบบนี้ถือเป็นเรื่องฉาวครับ ไม่ส่งผลดีต่อรัฐบาล คสช. ไม่เฉพาะกรณีลูกชาย พล.อ.ปรีชาครับ บรรดารัฐมนตรี ข้าราช การระดับสูง ต้องพึงตระหนักว่า ประชาชนตั้งความหวังกับการปฏิรูปประเทศไว้สูง ฉะนั้นท่านก็ต้องปฏิรูปตัวเองด้วยอะไรที่มันแลดูขัดจริยธรรม ขอร้องว่า…อย่า…อย่าไปดึงแข้งดึงขากันเองเลยครับ!ครับ..วานนี้ผมเปิดเฟซบุ๊กอ่านอะไรไปเรื่อย ดันจ๊ะเอ๋เอาเพจ สมศักดิ์ เจียม เข้า กำลังฟัดกับเสื้อแดงใต้ดินที่จัดรายการวิทยุออนไลน์จากต่างประเทศอย่างเมามัน
ปกติผมจะอ่านผ่านๆ แต่คราวนี้ ขอละเอียดนิดนึง เพราะดุเดือดจริงๆ พวกนี้ด่า “ไอ้เหี้ย” “ไอ้สัตว์” “ส้นตีน” กันเป็นเรื่องปกติ ปมขัดแย้งรอบนี้ เพราะ “ชูพงศ์ ถี่ถ้วน” ยุคนเสื้อแดงให้ฆ่า คสช.สัก ๔-๕ คน สมศักดิ์ เจียม ก็ซัดเข้าให้ ทำนองว่าคนดังเสื้อแดงยังคิดแบบนี้ มันสะท้อนวัฒนธรรมขบวนการเสื้อแดง ที่อ้างว่า สู้เพื่อประชาธิปไตย
อีกฝ่ายซัดกลับสมศักดิ์ เจียม เป็นเกรียนคีย์บอร์ด ชอบบิดเบือนข้อมูลก็ฟังกันไปครับ สาวไส้แบบนี้อีกาคงอิ่มไปหลายวัน แหม…ช่างเข้าบรรยากาศ กทม.ย้าย “เหี้ย” ออกจากสวนลุมฯ จริงๆ.