“บุญทรง”ขู่ฟ้องแหลก เล็งขอศาลปค.คุ้มครอง

หัวข้อข่าว “บุญทรง”ขู่ฟ้องแหลก เล็งขอศาลปค.คุ้มครอง

ที่มา; ผู้จัดการรายวัน 360 องศา ฉบับวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2559

 

ผู้จัดการรายวัน360 – “รองฯ วิษณุ” เผย รมว.-ปลัดพาณิชย์ลงนามคำสั่งปกครองเรียกค่าเสียหายจำนำข้าวจีทูจีมีผลทันทีภายใน 45 วัน เว้นแต่ผู้ชดใช้ยื่นศาลปกครอง “บุญทรง” เผยรอเอกสาร ก.พาณิชย์ แจ้งเป็นทางการ ก่อนยื่นศาล ปค.ขอคุ้มครองชั่วคราว เล็งฟ้องกลับทั้งทางแพ่ง-อาญากับผู้เกี่ยวข้อง โวยใช้ ม.44 ลัดขั้นตอน-ไม่เป็นธรรม ท้า “บิ๊กตู่” เจอกันในศาล

 

วันนี้ (20 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงกรณีที่ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ และ น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้ลงนามในหนังสือคำสั่งบังคับทางการปกครองเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และพวกรวม 6 คน มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ว่า หลังจากที่ รมว.พาณิชย์ และปลัดกระทรวงพาณิชย์ได้ลงนามในคำสั่งทางปกครองเรียบร้อยแล้ว จากนี้ต้องแจ้งให้ผู้ชดใช้ค่าเสียหายทราบภายใน 30 วัน หากยังไม่ดำเนินการชดใช้จะแจ้งเตือนภายใน 15 และจะมีผลโดยกรมบังคับคดีสามารถดำเนินการได้ทันที ยกเว้นผู้ชดใช้จะร้องต่อศาลปกครอง และศาลออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว กระบวนการจะต้องหยุดเพื่อรอคำพิพากษาของศาล

 

เผย “บุญทรง” ร้องศาล ปค.ขอคุ้มครองได้

 

ขณะที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ตามหลักการในคดีการรับผิดทางละเมิดที่สร้างความเสียหายให้กับรัฐ ทุกกระทรวงต้องทำตามขั้นตอนอยู่แล้ว ซึ่งหน่วยงานต้นสังกัดต้องตามเรียกค่าเสียหาย แต่ในคดีนี้มีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก จึงมีความซับซ้อน ทำให้กรมบังคับคดีเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งจะเริ่มดำเนินการได้หลังครบกำหนด 45 วัน ภายหลังจากกระทรวงพาณิชย์ส่งหนังสือแจ้งให้ผู้ชดใช้ค่าเสียหายรับทราบ โดยเริ่มจากการสืบทรัพย์เพื่อดำเนินการยึดทรัพย์ต่อไป เบื้องต้นไม่มีระยะเวลากำหนดว่าจะต้องดำเนินการแล้วเสร็จภายในกี่ปี แต่ตนเชื่อว่ากรมบังคับคดีจะมีความสามารถติดตามและยึดทรัพย์กลับมาได้ เพราะเป็นหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญได้เรื่องนี้ อย่างไรก็ตามผู้ชดใช้สามารถร้องอุทธรณ์ต่อศาลปกครองให้ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวได้ กรมบังคับคดีก็ต้องรอให้กระบวนการในศาลสิ้นสุดก่อนที่จะดำเนินการสืบทรัพย์และยึดทรัพย์ได้

 

เรียกค่าเสียหายก่อนศาลตัดสินได้

 

ด้าน นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงกรณีที่ นาย บุญทรง ออกมาระบุไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากมีการเรียกค่าเสียหาย ก่อนที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะตัดสิน นายดิสทัต กล่าวว่า เรื่องการเรียกค่าเสียหายกับการดำเนินคดีอาญาในศาลฎีกาฯ เป็นการดำเนินการคนละส่วนกัน โดยการเรียกค่าเสียหายเป็นการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 สามารถดำเนินการควบคู่กันไปได้ ในอดีตเคยมีลักษณะแบบนั้น ส่วนทางผู้ที่ถูกเรียกค่าเสียหายจะต่อสู้อย่างไรถือเป็นสิทธิ

 

“บุญทรง” ของขึ้น-ขู่ฟ้องแหลก

 

ทางด้าน นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เปิดเผยว่า ตนกำลังรอเอกสารจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งมาอย่างเป็นทางการก่อน จากนั้นตนจะยื่นขอทุเลาคำสั่งและไต่สวนฉุกเฉิน เชื่อว่าศาลจะรับคำร้อง เพราะถือเป็นสิทธิ์ในการพิสูจน์ว่าคำสั่งออกมาโดยชอบและมีกระบวนการครบถ้วนตามกฏหมายหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าตนจะฟ้องกลับทั้งทางอาญาและทางแพ่งกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดตามสิทธิ์ที่จะทำได้ เพราะการนำมาตรา 44 มาใช้ทั้งๆ ที่มีกฎหมายที่จะดำเนินการได้ตามขั้นตอนอยู่แล้วถือเป็นการลัดขั้นตอน เร่งรัดให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการตามที่รัฐบาลตั้งธงไว้ รวมทั้งการที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้รัฐมนตรีลงนามแทน ทั้งที่ตาม พ.ร.บ.เรียกให้ชดใช้ความผิดทางละเมิดในระดับรัฐมนตรีกำหนดให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ลงนามเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่นายกฯ ต้องชี้แจงในชั้นศาลด้วย โดยหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากศาล เพราะการดำเนินการที่ผ่านมาไม่มีความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นในการระบายข้าว กรมการค้าต่างประเทศได้ทำสัญญา มีการระบุตัวเลข และได้รับการชำระเงินครบถ้วนสมบูรณ์ จึงมั่นใจว่าสิ่งที่ทำไปบริสุทธิ์และโปร่งใส

 

“นายกฯ คงไม่แคร์เรื่องนี้เพราะไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และไม่ต้องกลับไปลงเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญใหม่ก็ให้โอกาสกลับมาเป็นรัฐบาลได้อีก จึงไม่มีประโยชน์ที่เราจะไปโต้แย้ง คงต้องไปพูดกันที่ศาล” นายบุญทรง กล่าว.