มาตรฐานชักไม่ต่างกัน

หัวข้อข่าว: มาตรฐานชักไม่ต่างกัน

ที่มา: ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559

 

ชักขยายวงบานปลายไปกันใหญ่

จากปมเอกสารค่าใช้จ่ายเที่ยวบินเช่าเหมาลำทริปหรูการบินไทย “กรุงเทพฯ-ฮอนโนลูลู” แผ่นเดียว ที่เริ่มต้นในโลกโซเชียล สามารถลาก “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ตกที่นั่งลำบาก

 

กลายเป็นประเด็นเล่นงานยี่ห้อ “บิ๊ก คสช.” จนกระอัก

ตามอารมณ์ของกระแสสังคมที่ขยับจากประเด็นการเช่าเหมาลำเครื่องบินขนาดใหญ่ วงเงิน 20.9 ล้านบาท ขนคณะ “พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์” รวม 38 ชีวิต ไปร่วมประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน-สหรัฐฯ ที่รัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา

 

มาสู่เมนูอาหารต้อนรับบนเครื่องบิน ราคาแพงระยับ 600,000 บาท ให้เปิบเมนูดัง “ไข่ปลาคาเวียร์”ก่อนเปลี่ยนโฟกัสไปอยู่ที่รายชื่อทีมงานผู้ร่วมทริปเดินทางที่ถูกปกปิดรายชื่อในตอนแรก โดยอ้างความลับเรื่องความมั่นคง กระทั่งถูก “มือดี” นำรายชื่อคณะเดินทางมาเปิดเผยว่อนโลกออนไลน์ มีทั้งผู้ประกาศข่าวสาวค่ายสนามเป้า ผู้บริหารเครือซีพี มีชื่ออยู่ในลิสต์ร่วมไฟลท์ ที่ออกมาปฏิเสธภายหลังว่าไม่ได้ร่วมเดินทาง

 

ก่อให้เกิดเครื่องหมายคำถามคาใจว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประชุมด้านกลาโหมมากน้อยเพียงใด และเป็นการผลาญงบประมาณเกินความจำเป็นหรือไม่สุมหัวเชื้อ เพิ่มรอยด่างให้กระทบชิ่งไปถึง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ตามมาติดๆอีกเรื่อง ต่อจากปมเมียและลูกของ “บิ๊กติ๊ก” พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม น้องชาย “บิ๊กตู่” ที่ติดปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนยังไม่ทันจะจางหายไป

 

อาการคนใกล้ตัวเป็นพิษยังพุ่งใส่หัวหน้า คสช. ไม่เลิกเที่ยวนี้ขยับเข้าใส่ระดับ “พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์” ก็ย่อมเกิดแรงสั่นสะเทือน และเพิ่มความสั่นคลอนใส่รัฐบาลทหารมากกว่าทุกครั้ง ตกเป็นเป้าล่อให้ฝ่ายตรงข้ามทวงถามจิตสำนึกละเลงงบประมาณการเดินทางเกินความจำเป็น นั่งเครื่องเหมาลำหรูหรา สุขสบายสวนทางกับปากท้องชาวบ้านที่ยังหากินฝืดเคือง นอนฟุบจากพิษเศรษฐกิจอยู่ รัฐบาลท็อปบูตถูกขยี้ซ้ำแผลเก่าปมจริยธรรมที่คาบเกี่ยวไปถึงเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน และดันไปเกิดซ้ำรอยที่หน่วยงานเดิมๆคือ กระทรวงกลาโหม

 

กระทบความรู้สึกผิดหวังของประชาชนที่คาดหวังให้อำนาจพิเศษเป็นจุดเปลี่ยน ปฏิรูปประเทศไทยให้ต่างจากยุคการบริหารงานของรัฐบาลจากการเลือกตั้ง เริ่มพิสูจน์ให้เห็นการทำงานรัฐบาลทหารไม่ต่างอะไรจากรัฐบาลนักการเมือง ที่ถูกตั้งคำถามเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ช่วยเหลือพวกพ้องตัวเองซ้ำร้ายยังไม่สามารถเอกซเรย์ตรวจสอบการทำงานลงลึกได้เหมือนรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ตามร่องรอยที่เห็นได้จากการทำงานของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่เงียบกริบ ไม่ติดตามตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลในเรื่องที่ถูกตั้งข้อสงสัยอย่างเข้มข้น ผิดฟอร์มกับการเล่นบทขึงขังถอดถอนนักการเมืองหรือการรีบออกมาการันตีความบริสุทธิ์กรณีทริปหรูฮาวายของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ช่วยเคลียร์ความโปร่งใสให้ “บิ๊กป้อม” ตั้งแต่ไก่โห่

 

ไล่เรียงไปถึงกรณี ป.ป.ช. ช่วยปลดชนักปักหลังของ “บิ๊กติ๊ก” ยืนยันกรณีเซ็นคำสั่งบรรจุบุตรชายเข้ารับราชการทหาร ไม่มีความผิดหลากเรื่อง หลายประเด็นชักสั่งสม จนเริ่มขัดความรู้สึกชาวบ้าน

 

นั่นก็ย่อมฉุดเรตติ้งของ “นายกฯลุงตู่” ที่กำลังติดลม พลอยถูกกระตุกให้ลดระดับลงมา

แม้ “บิ๊กตู่” จะไม่ใช่ผู้ก่อปมปัญหาขึ้นมาโดยตรง แต่จะปฏิเสธ หนีความรับผิดชอบคงไม่ได้เช่นกัน

 

หากยังเกียร์ว่าง เคลียร์ปมจริยธรรมคนใกล้ตัวไม่กระจ่าง

ก็หนีไม่พ้นตกเป็นขี้ปาก มาตรฐานทหาร-นักการเมืองไม่ต่างกัน!!!

ทีมข่าวการเมือง