หัวข้อข่าว เชิญสอบน้อง ท้า‘ปู‘สู้คดีข้าว
ที่มา; ผู้จัดการรายวัน 360 องศา ฉบับวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2559
ผู้จัดการรายวัน360 – “ประยุทธ์” เน้นสร้างประชาคมเข้มแข็ง เพื่อสร้างประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ยอมรับหลายอย่างยังชุลมุน วอนทุกฝ่ายยอมเสียประโยชน์ส่วนตัวเพื่อส่วนรวม อย่าแค่คิดหรือพูดอย่างเดียว เหน็บถ้าอยากได้คำชม ก็แค่ถมเงินในอนาคตลงไป แต่สุดท้าย ประเทศก็จะมีแต่ความเสียหาย วอนอย่าโยง ทุกคดีจนพันกัน ท้าให้ตรวจสอบทั้งตัวเอง และญาติ พร้อมให้ความเป็นธรรม “ยิ่งลักษณ์” สู้คดีจำนำข้าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (3 ต.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “ประชาสังคมเข้มแข็ง สู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์” ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การทำงานวันนี้ เพื่อสร้างประชาสังคมที่เข้มแข็ง เพื่อนำไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ สิ่งที่ตนมุ่งหวัง คือ การรวมกลุ่มของประชาชนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เหมาะสมด้วยพฤติกรรม รวมกลุ่มเพื่อสร้างสรรค์ความดี มีหลักการและเหตุผล ไม่ใช่รวมกลุ่มเพื่อสร้างความขัดแย้ง วันนี้เราต้องปฏิรูปทั้งระบบทั้งราชการ ประชาชน ต้องมีกระบวนการคิดใหม่ในการฟื้นฟูประเทศ
“ทุกคนต้องร่วมมือกันปฏิบัติ ถ้าคิดและพูดอย่างเดียว แล้วไม่ทำ ก็เท่ากับไม่ได้ทำอะไรเลย ยิ่งจะสร้างความขัดแย้งเพิ่มขึ้น ประเด็นสำคัญที่ผมเข้ามาไม่ได้ต้องการไปรังแกใคร ต้องการเพียงเซตระบบใหม่ เพื่อให้ทำงานได้ก็พอ บางครั้งก็ต้องใช้กฎหมาย หรือสิ่งที่อาจชอบหรือไม่ชอบบ้าง แต่ทั้งหมด เพื่อคนจะได้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าทำอะไรผิดกฎหมาย ก็ต้องไปฟ้องร้อง ซึ่งเป็นกระบวนการของศาล ผมไปตัดสินให้ใครไม่ได้ แม้แต่ตัวเอง ผมมีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อย ความมีเสถียรภาพ และทำคนสามารถทำงานได้ แต่ถ้าทุกคนยังมัวแต่มุ่งผลประโยชน์ของตัวเอง ก็เดินหน้าต่อไปไม่ได้ เพราะทุกอย่างเชื่อมโยงกัน สิ่งที่ผมกังวลขณะนี้ คือ ทุกอย่างอยู่ใน ขั้นตอนการปฏิรูป แก้ไขใหม่ ซึ่งต้องใช้งบประมาณมาก”นายกรัฐมนตรีกล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การทำงานจะเอาแบบให้พอใจทั้งหมด ให้คนชื่นชมนั้น ไม่ยาก แค่ใครต้องการอะไร ก็ถมเงินงบประมาณลงไป ใครอยากได้อะไร ก็ให้ทั้งหมด แต่ปัญหาก็จะกลับมาที่เก่า และแย่ไปกว่าเดิม
“ที่ผ่านมาทุกอย่างมีกฎหมาย เพียงแต่ไม่ทำอย่างจริงจัง มีผู้รับ มีผู้ให้ อำนวยประโยชน์ซึ่งกันและกัน นำไปสู่การคอร์รัปชัน และเรื่องนี้อย่าเอาแต่ละคดีมาปนกัน เพราะมันคนละ เรื่องกัน คดีใครก็คดีนั้น ศาลเป็นผู้นำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตัดสิน ผลเป็นอย่างไรก็ต้องตามนั้น ไม่ใช่ไม่รับการตัดสินแล้วบอกว่าถูกรังแก ไม่ว่าจะตัวผม ญาติพี่น้อง ก็ไปสอบกันมา ไม่ใช่มาโยงกัน ผมยังไม่เคยโยงไปถึง คนที่อยู่ต่างประเทศสักที คดีใคร ก็คดีมัน ว่ากันไป อย่าไปสร้างการรับรู้แบบนี้ มันจะทำ ให้คนสับสนวุ่นวายไปหมด ถ้าเขาไม่ผิดขึ้นมา จะว่าอย่างไร ก็มีศาลยุติธรรม แต่ถ้าผิดขึ้นมา ก็อ้างว่ารังแก ทำไมถึงคิดแบบนี้ ผมเข้ามาแบบนี้ คิดแบบนี้ ไม่ได้เข้าข้างใครทั้งสิ้น ผมต้องอยู่ต่อไปให้ได้ เพื่อทำงาน”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า อย่าคิดเพียงว่าบทบาทของพลเมือง มีแค่การเลือกตั้ง ต้องมีวิธีคิดของตัวเอง มีวิถีประชาสังคม ที่กำลังทำกันอยู่นี้ โดยกำหนดอนาคตตัวเองผ่านกลไกรัฐบาล นั่นคือประชาธิปไตยที่ถูกต้อง มีรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล มีข้าราชการที่โปร่งใส อยากให้รัฐบาล ข้าราชการ ประชาชน สมดุลทางความคิดไม่เกิดความขัดแย้ง ที่ตนเข้ามาเพราะอยากให้ประเทศดีขึ้น เราต้องลดความขัดแย้งให้ได้ ประชาธิปไตยต้องเป็นแบบนี้
อย่างไรก็ตาม ในตอนท้าย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ทำผิดว่า ถ้ารัฐบาลปล่อยปะละเลย ก็จะสับสนอลหม่านทั้งหมด เขาเรียกว่าไม่ผิด แต่ปล่อยปะละเลย ละเว้น เจ้าหน้าที่รัฐ หากไม่ผิด แต่ปล่อยปละละเลย ก็ถือว่าผิด ตามพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ศ.2539 ซึ่งรัฐบาลได้ใช้กับทุกกรณี แต่ที่ผ่านมา กลับไม่ใช้เอง ถามว่าทำไมไม่ใช้ ซึ่งหากรัฐบาลนี้ไม่ใช้ รัฐบาลก็จะโดน ขอให้เข้าใจส่วนเรื่องการรับผิดทางแพ่ง หรือกระบวนการอื่น ก็ขอให้ไปว่ากันตามกระบวนการ แต่ตนยึดว่า ต้องทำทุกอย่างให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่รวบรวมคดีความเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และทุกคนมีสิทธิ์ต่อรอง หรือฟ้องศาลปกครอง แต่หากไม่นำเข้ากระบวนการยุติธรรม ทุกอย่างจะกลับไปเป็นแบบเดิม ปัญหาลักษณะนี้ ก็จะเกิดขึ้นอีก ใน พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิด ไม่ใช่เอาผิดเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งที่ผ่านมา ดำเนินการทั้งหมดแล้วกว่า 5,000 คดี เพียงแต่คนไม่ค่อยจะสังเกต เพราะมีความเสียหายน้อย เป็นการลงโทษกันภายใน ซึ่งไม่ได้ทำเพื่อความสะใจไม่เกี่ยวกับเรื่องพวกพ้อง
“ท่านต้องทำให้สังคมเข้าใจตรงนี้ เพื่อ ให้เกิดความสามัคคี หรือที่เรียกว่าปรองดอง แค่ให้เข้าใจปัญหา นี่คือความปรองดอง ส่วนการปรองดองอันเกี่ยวกับความขัดแย้ง การ ฆ่ากัน ต้องใช้กฎหมายในการบังคับใช้ ผมไม่ชอบคนที่พูดว่า การจะเปลี่ยนแปลงจะต้องมีคนบาดเจ็บและล้มตาย ถามว่าคนพูด เคยสูญเสียหรือไม่ แต่ทำไมถึงชอบพูดแบบนี้ เพราะสำหรับผมบาดเจ็บล้มตายเพียงคนเดียว ก็ไม่ได้ “นายกรัฐมนตรีกล่าว
ด้านนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ได้รายงานข้อสรุปเรียกร้องความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว กับ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหลังจากนี้จะต้องรอว่า นายกฯ จะมอบหมายให้กระทรวงการคลังดำเนินการอย่างไรต่อไป.