หัวข้อข่าว: เดินหน้าล้างทุจริต
ที่มา: บ้านเมือง ฉบับวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559
รัฐบาล คสช.ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีผลงาน โดดเด่นที่ชัดเจนที่สุดคงไม่พ้นนโยบายการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น ที่ปัญหานี้ดูเหมือนว่าหมักหมมมานาน แต่ทว่า 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลนี้สามารถทำให้สถานการณ์การทุจริตคอรัปชั่นในวงราชการลดลงอย่างชัดเจนจากผลสำรวจของหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะจากผลการจัดอันดับ “ดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอรัปชั่น” ใน 180 ประเทศทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2556-2558 ที่ผ่านมา
ปรากฏว่าอันดับของประเทศไทยดีขึ้นต่อเนื่อง โดยในปี 2556 ก่อนที่รัฐบาล คสช.จะเข้ามาบริหารประเทศไทยถูกจัดอันดับอยู่ที่ 102 ทว่าปัจจุบันประเทศไทยถูกจัดอันดับอยู่ที่ 76 เท่ากับดีขึ้น 30 อันดับ ทั้งนี้เป้าหมายสำคัญในการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นของรัฐบาล คสช.คือ “คนโกงรายเก่าจะต้องหมดไป คนโกงรายใหม่ต้องไม่เกิด และไม่เปิดโอกาสให้มีการโกงในทุกวงการ” อีกทั้งยังเดินหน้าทำงานเชิงรุก ป้องกันการทุจริตตั้งแต่ต้นทาง
นับได้ว่ารัฐบาล คสช.ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการเดินหน้ากวาดล้างทุจริตอย่างเต็มที่ โดยล่าสุดในการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ได้เห็นชอบให้เพิ่มอำนาจหน้าที่ของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต (ศปท.) ซึ่งนับเป็นกลไกใหม่ของแต่ละกระทรวงในการทำหน้าที่ประสานงานเร่งรัด กำกับ และติดตาม ให้รัฐวิสาหกิจและองค์การมหาชนในกำกับของกระทรวง ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ
รวมทั้งติดตามประเมินผลการดำเนินงาน โดยต้องทำงานประสานสอดคล้องกับศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (สอตช.) รวมทั้ง ป.ป.ช., ป.ป.ท., สตง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะเหตุรัฐบาลถือว่าการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นเป็น “วาระแห่งชาติ” ดังนั้นการดำเนินการ ทุกอย่างจึงต้องมิใช่เป็นเพียงแค่แนวนโยบาย หรือเป็นแผนในกระดาษเท่านั้น แต่ต้องลงมือปฏิบัติอย่างจริงจังเป็นรูปธรรมในทุกระดับอย่างมีประสิทธิภาพ เห็นได้จาก ผลงานกว่า 200 เรื่องที่ผ่านมา
และที่น่ามีการบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์คือ ยอดเงินความเสียหายจากการทุจริตคอรัปชั่นมีวงเงินสูงถึง 5 แสนล้านบาท ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดเจนว่าหากมีการเร่งรัดปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น อย่างเป็นระบบและครบวงจร โดยกลไกที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะประชาชนควรต้องเป็นหูเป็นตาร่วมมือกันกำจัดคนทุจริตให้หมดไปจากสังคมแล้ว ประเทศไทยจะก้าวเดินไปอย่างมั่นคง พร้อมความเจริญรุ่งเรืองของชาติ และความอยู่ดีมีสุข คุณภาพชีวิตที่ดีของพี่น้องประชาชน