เล็งเชือดผู้ว่าฯรฟท. ล็อกสเปกรถไฟทางคู่ เอื้อประโยชน์บิ๊กรับเหมา
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา ฉบับวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2559
ผู้จัดการรายวัน360 – ปูดล็อกสเปกทีโออาร์ “รถไฟทางคู่” เขย่าเก้าอี้ “วุฒิชาติ” ผู้ว่าฯร.ฟ.ท. เหตุทำนโยบายรัฐบาล-คสช.ติดหล่ม จนโรดแมปประมูล 5 เส้นทางหลุดเป้าหมายปี 2559 “สตง.-คตร.” สั่งทบทวนแก้ล็อกสเปกปิดกั้นแข่งขันผิดระเบียบ กวพ. เหตุทำรัฐสูญงบเกินจริง 20-30% ชี้พฤติกรรมเอื้อกลุ่มทุนใหญ่ หาช่องมาตรการพิเศษเล่นงานผู้ว่าฯร.ฟ.ท.
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยถึงกรณีที่กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งสอดคล้องกับกรอบยุทธศาสตร์ 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 5 ปี (2560-2564) โดยอยู่ระหว่างเร่งรัดโครงการตามแผนปฏิบัติการ ระยะที่ 2 (Action Plan)และเตรียมทำแผนระยะที่ 3 ซึ่งจะมีการลงทุนระบบรางของประเทศครั้งใหญ่ที่สุดโดยมีแผนฟื้นฟูการรถไฟ แห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ปฏิรูปองค์กรให้มีประสิทธิภาพพัฒนาบริการ เพื่อเพิ่มรายได้จากการโดยสารและสินค้า การพัฒนาที่ดินเพื่อเปลี่ยนการขนส่งจากถนนมาสู่ระบบราง โดยแผนงานสำคัญคือโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะเร่งด่วน 7 เส้นทางโดยนโยบายกำหนดให้ลงนามสัญญาก่อสร้างภายในปี 2559 ซึ่งขณะนี้มีการลงนามสัญญาไปแล้ว 2 เส้นทาง คือ ทางคู่ช่วงคลองสิบเก้า-แก่งคอยระยะทาง106 กม.วงเงินประมาณ 10,232 ล้านบาท และช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง185 กม.วงเงินประมาณ 23,802 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 5เส้นทางอยู่ในกระบวนการอนุมัติ
คตร.หมายหัวผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท.แหล่งข่าวกล่าวว่า ทางคู่ช่วงประจวบ- คีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 17,249.90 ล้านบาทนั้น คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 26 เม.ย.59 แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดประกวดราคาได้ซึ่งโครงการถูกร้องเรียนเรื่องการล็อกสเปก อย่างหนัก โดยมีหนังสือจาก สหภาพแรงงาน ร.ฟ.ท.ส่งถึง พล.อ.ชาตอุดม ติตถะสิริ ประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) เมื่อวันที่ 22 ก.ค.59 ขอให้ตรวจสอบการทำงานของ นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการ รฟท.กับพวก ฐานเอื้อประโยชน์ เลือกปฏิบัติ เจตนาคัดออกในสาระสำคัญของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีที่ นร (กวพ) 1305/ว2457 ว่าด้วยแนวทางปฏิบัติในการพิจารณาคุณสมบัติของผู้เสนอราคาที่เป็นกิจการร่วมค้าในโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ทั้งที่ประกวดราคาไปแล้ว 2เส้นทางและที่กำลังจะเปิดประกวดราคา ต่อมาเมื่อวันที่ 28 ก.ค.59สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้มีหนังสือลงนามโดย นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาสผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ถึงผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท.ขอให้ทบทวนการดำเนินการที่มีการกำหนดเงื่อนไข ทีโออาร์ โดยไม่ให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมเข้าข่ายขัดพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542และยังเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการกรณีที่ไม่ได้ปฏิบัติตามแนวทางในการพิจารณาคุณสมบัติของผู้เสนอราคาที่เป็นกิจการร่วมค้า หากละเลยหรือเพิกเฉยไม่พิจารณาสตง.จำเป็นต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
ลักไก่ประกาศทีโออาร์-ทำประชาพิจารณ์รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ คตร.ได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท.ดำเนินโครงการรถไฟทางคู่ช่วง ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์โปร่งใสและเป็นธรรมตามขั้นตอนการประกวดราคาด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเมื่อ วันที่ 25 พ.ค.59 มีการนำ ทีโออาร์ เสนอที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ร.ฟ.ท.แต่ไม่ได้รับความเห็นชอบเนื่องจากยังไม่ถูกต้องตามระเบียบ กวพ.ในเรื่องคุณสมบัติของผู้เสนอราคาที่เป็นกิจการร่วมค้า และให้แก้ไขให้ถูกต้องแต่กลับมีการออกประกาศ ทีโออาร์ เพื่อทำประชาพิจารณ์ระหว่างวันที่ 1-5 ก.ค.59โดยยังไม่ดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบ กวพ.โดยมีการกีดกันไม่ให้กิจการร่วมค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่เข้าร่วมในการประกวดราคา ทำให้มีเฉพาะบริษัทรับจ้างรายใหญ่ภายในประเทศเพียงไม่กี่รายที่เข้าร่วมประกวดราคาได้ซึ่งจะส่งผลให้รัฐต้องสูญเสียงบประมาณสูงเกินจริง
แหล่งข่าว กล่าวว่าความพยายามหาทางล็อกสเปกเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับผู้รับเหมารายใหญ่ ไม่กี่บริษัทในประเทศ ขณะที่หากเปิดกว้างทีโออาร์ตามกฎหมายจะทำให้มีบริษัทต่างชาติที่เป็นผู้ผลิตรางรถไฟเองให้สามารถเข้าแข่งขันประมูลได้ คาดว่าน่าจะการประมูลจะต่ำกว่า ราคากลางที่ตั้งไว้กว่า 20-30% ซึ่งส่วนต่างผลประโยชน์มหาศาล ที่จะเกิดขึ้นหากใช้ทีโออาร์ที่ปิดกั้นประมูลรถไฟทางคู่อีก 5 เส้นทาง วงเงินงบประมาณรวมกว่า1.2แสนล้านบาท คิดเป็นเม็ดงบประมาณที่จะสูญเสียเกินจริงกว่า 36,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ตามแผนงานในปี 2560 จะมีการประมูลรถไฟทางคู่อีก 7-8 เส้นทาง วงเงินไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านบาทรวมถึงโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง (Missing Link) สีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ-พญาไท-มักกะสันหัวหมาก และสายสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อหัวลำโพง ระยะทาง 25.9กม.วงเงิน 44,157.76 ล้านบาท ที่ ครม.ได้อนุมัติไปเมื่อวันที่ 26 ก.ค.คาดว่าจะใช้ทีโออาร์ของรถไฟทางคู่ เป็นต้นแบบในการประมูลก่อสร้าง ประเมินมูลค่าที่รัฐต้องสูญเสียงบประมาณเป็น เงินมหาศาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการให้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีพิจารณาทีโออาร์ โครงการที่มีวงเงินเกิน 1,000 ล้านบาท ก่อน ซึ่งยังไม่อนุมัติทีโออาร์ รถไฟทางคู่ออกมา
ผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท.ส่อเก้าอี้หลุดรายงานข่าวแจ้งอีกว่า ขณะนี้ คตร.ได้รวบรวมปัญหา ข้อท้วงติงต่างๆ แล้วโดยพบว่า การดำเนินโครงการถไฟทางคู่ มีลักษณะไม่เป็นไปตามระเบียบของ กวพ.ตั้งแต่2 เส้นทางแรก ที่มีการลงนามสัญญาผู้รับเหมาไปแล้ว และมีความพยายามต่อเนื่องกับ 5เส้นทาง ซึ่งจะสร้างความเสียหายด้านงบประมาณ อีกทั้งการไม่เร่งรีบดำเนินโครงการส่งผลให้ต่อนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการเร่งก่อสร้างรถไฟทางคู่ให้เกิดการเชื่อมโยงต่อเนื่องเกิดประโยชน์ต่อการ เดินทางขนส่งสินค้าอย่างแท้จริงซึ่งหากทีโออาร์ยังกีดกัน ไม่ให้แข่งขันที่เป็นธรรม จะเปิดประมูลไม่ได้ส่งผลให้โครงการล่าช้า นอกจากนี้ ยังมีการจัดซื้อหัวรถจักร 50 คัน ที่ยกเลิกประมูลไปถึง 4 ครั้ง ซึ่งความล่าช้าที่เกิดขึ้นทั้งหมด จะส่งผลให้ปี 2560 รถไฟจะประสบปัญหาวิกฤติขาดแคลนหัวรถจักร อย่างไรก็ตาม คาดว่าได้ มีการเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อให้พิจารณาแก้ปัญหาด่วน ทั้งเรื่องทีโออาร์รถไฟทางคู่เพราะหากเร่งรัดประมูลในเดือน ก.ย.นี้ได้อย่างเร็วที่สุดจะได้ตัวผู้รับจ้างประมาณปลายเดือน ม.ค.60 ซึ่งเกินกรอบเวลาที่รัฐบาลตั้งไว้พร้อมทั้งมีข้อเสนอให้บอร์ด ร.ฟ.ท.ชุดใหม่ รับทราบแนวทางปฏิบัติตามนโยบายนายกรัฐมนตรีด้วย
ถือเป็นการส่งสัญญาณชัดเจน ว่า และอาจจะมีมาตรการพิเศษหรืออาศัยกระบวนการตามระเบียบการสรรหาที่ส่งผลต่อเก้าอี้ผู้ว่าฯร.ฟ.ท. เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนมาก เพราะ ก่อนหน้านี้ เคยออกอาการเก้าอี้หลุดมาแล้วแต่มีบิ๊กใหญ่ในรัฐบาลหนุนอยู่ จึงทำให้การประเมินผลงานผ่านฉลุย แหล่งข่าวระบุ.