เหตุเกิดที่ พม.!!!

หัวข้อข่าว: เหตุเกิดที่ พม.!!!

ที่มา: คอลัมน์ ตีแสกหน้าฝ่าสมรภูมิข่าว, เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2559 โดย สมิหลา

 

รัฐนาวา “บิ๊กตู่” เพิ่งจะแถลงผลงานในรอบ 2 ปีไปหมาด ๆ เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ไม่ได้เอ่ยถึง รายละเอียดผลการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น มากนัก จะเป็นเพราะไม่มีผลงาน หรือไม่อยากนำเสนอก็ไม่แน่ชัด…???

 

ทว่ามีคดีทุจริตอีกเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นในจังหวัดภาคใต้และกำลังเป็นที่โจษจันสร้าง “ชื่อเสีย” ให้กับราชการไทยเป็นเรื่องของ หนุ่มใหญ่สัญชาติอเมริกัน ที่มาใช้ชีวิตบั้นปลายที่เกาะภูเก็ต เพราะหลงใหลผู้คน-วัฒนธรรมไทย…ก่อนเสียชีวิตได้ทำ พินัยกรรม บริจาคเงินให้กับบุคคลใกล้ชิดจำนวนหนึ่งส่วนเงินที่เหลือ อีก 80% จากกองมรดก ได้ยกให้กับ สถานสงเคราะห์คนชรา ในจังหวัดที่อเมริกันชนผู้นี้เสียชีวิตรวมเป็นเงินกว่า 5.6 ล้านบาท…!!! เมื่ออเมริกันรายนี้ลาโลกไป ผู้จัดการมรดกก็ได้จัดสรรปันส่วนตามคำสั่งเสียจนครบถ้วนทุกประการ… ถ้าหากผู้จัดการมรดกโอนเงินเข้าบัญชีสถานสงเคราะห์คนชราแห่งนั้นเรื่องก็ไม่มีปัญหาใด ๆ แต่ ผอ.ศูนย์สงเคราะห์คนชรา ดันแจ้งให้ผู้จัดการมรดกโอนเงินเข้าบัญชีมูลนิธิแห่งหนึ่ง

 

พูดง่าย ๆ ก็คือ ไม่ได้โอนเงินเข้าหลวง งานนี้ถ้าคนในสมประโยชน์เรื่องก็ยังเงียบ แต่พอผลประโยชน์ขัดกันก็บรรลัย ร้องเรียนกันอีนุงตุงนัง เรื่องนี้ คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ได้สรุปแล้วว่า กรณีกล่าวหามีมูล ให้ตั้ง กรรมการสอบวินัยร้ายแรงไม่เพียงแค่นั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. ต้นสังกัด ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีอาญา กับผู้เกี่ยวข้องเพื่อเรียกเงินอีกล้านกว่าบาทกลับคืนมาด้วย… ปัญหาของเรื่องนี้ไม่ใช่แค่แอบยักย้ายถ่ายโอนเงินเข้าบัญชีผิด…??? ทว่าเป็นเรื่องปฏิบัติมาช้านานของ หน่วยงานสังคมสงเคราะห์ โดยเฉพาะที่สังกัดอยู่กับ หน่วยงานราชการไทย เพราะหากรับริจาคโอนเงินเข้าสถานสงเคราะห์โดยตรง เท่ากับโอนเงินบริจาคเข้าหลวงเป็นเงินหลวง เป็นเงินของแผ่นดิน การเบิกจ่ายจะต้องปฏิบัติตามระเบียบราชการอย่างตรงไปตรงมา…!!! แต่ที่ทำ ๆ กันอยู่ทุกวันนี้ เป็นการเปิดบัญชีในนามมูลนิธิ หรือในชื่อที่ใกล้เคียงกับหน่วยงาน เพื่อผู้บริหารหน่วยงานนั้น ๆ จะได้เบิกมาใช้สอยได้สะดวกโยธิน… คนที่มีจิตศรัทธาบริจาคก็เข้าใจว่าบริจาคให้หลวง เพื่อดูแลคนเฒ่าคนแก่ เด็ก หรือคนพิการ…!!! ถ้าได้ผู้บริหารดี เงินบริจาคก็ใช้จ่ายได้ตามวัตถุประสงค์ของผู้ให้แต่หลายแห่งมีการนำเงินบริจาคเหล่านี้ไปซื้อตั๋วเครื่องบินพาผู้บริหารหรือพรรคพวกไปดูงาน ไปเที่ยวต่างประเทศ เพราะเงินจากบัญชีมูลนิธิเหล่านี้เบิกจ่ายกันโดยความรู้เห็นชอบของคนไม่กี่คนเท่านั้นที่สำคัญ ไม่ต้องถูกตรวจสอบ จากหน่วยตรวจสอบทั้งภายในหรือภายนอกปมที่เกิดขึ้นเป็นเพียงจิ๊กซอว์หนึ่ง

 

ถ้าหาก “บิ๊กอู๋” พล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พม. อยากจะช่วยให้เงินบริจาคของชาวบ้าน ตกถึงมือผู้ด้อยโอกาสอย่างแท้จริง ก็น่าจะลงมาสังคายนาเรื่องนี้อย่างจริงจังเชื่อว่า ผอ.ศูนย์ฯ ที่กำลังเผชิญวิบากกรรมคงไม่ใช่รายแรกและรายสุดท้าย…??? คงไม่ต้องรอให้ “บิ๊กต๊อก” พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เข้ามาปราบโกง…หรือถ้าจะต้องถึงมือ “บิ๊กตู่” พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้ ม.44 เข้ามาจัดการ…ยิ่งเป็นสีกากีไม่ใช่สีเขียวด้วยแล้วจึงไม่มีเหตุต้องเกรงใจ เมื่อนั้น “บิ๊กอู๋” จะพาลเสียรังวัดเอาง่าย ๆ อย่าลืมว่า เงินหลวง เงินของแผ่นดิน ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ ใครยักยอกย่อมมีอันเป็นไปทุกราย…!!!.