หัวข้อข่าว: ศรีวราห์โวรวบ’ธัมมี่‘แน่‘ไพบูลย์‘เตือนดื้อมีจับสึก
ที่มา: ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559
ไทยโพสต์ * หมายจับคดีที่ 3! ศาลจังหวัดสีคิ้วไฟเขียวจับเจ้าลัทธิจานบิน ข้อหาบุก รุก-ยึดครองป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ดีเอสไอ-ตำรวจแผ่นเสียงตกร่อง จับพระเรื่องละเอียดอ่อน ต้องรอบคอบ “ศรีวราห์” อ้างอายุความ 15 ปี จับได้แน่นอน เบื้องต้นเตรียมประสาน “ธัมมชโย” ให้เข้ามอบตัว “ไพบูลย์” เตือนดื้อแพ่ง ถูกจับหมดสิทธิ์ได้ประกันตัวและถูกจับสึกทันที
เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ศาลจังหวัดสีคิ้ว อนุมัติหมายจับพระเทพญาณมหามุนี หรือพระไชยบูลย์ สุทธิผล อายุ 72 ปี ตามคำร้องขอของ พ.ต.อ.ชาญณรงค์ ขนาดนิด ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานความผิดร่วมกันสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่าหรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 และมาตรา 72 ตรี กรณีการก่อสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมเวิลด์พีซวัลเล่ย์ เขาใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านหนองจอก ม.6 ต.โป่งตาลอง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หมายจับดังกล่าวถือเป็นหมายจับคดีที่ 3 ของพระธัมมชโย โดยก่อนหน้านี้ คดีแรก เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2559 พระธัมมชโยถูกศาลอาญาอนุมัติหมายจับฐานสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจรที่เกี่ยวข้องกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นฯ ต่อมาวันที่ 15 สิงหาคม 2559 ศาลจังหวัดเลยได้อนุมัติหมายจับ ฐานบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ กรณีจัดสร้างสวนป่าหิมวันต์ ต.ร่องจิก อ.ภูเรือ จ.เลย ซึ่งก็เป็นเครือข่ายของวัดพระธรรมกายด้วยเช่นกัน
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ว่า หมายจับพระธัมมชโยเป็นหมายจับที่ศาลอนุมัติตามคำร้องตำรวจ หากตำรวจพบตัวก็สามารถดำเนินคดีแจ้งข้อหาได้ทันที ซึ่งเป็นมาตรการดำเนินการตามปกติ ใครออกหมายก็มีหน้าที่สืบสวนและจับกุม มั่นใจว่าพระท่านไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลแต่อย่างใด และเชื่อว่าขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่เจ้าหน้าที่จะต้องใช้กำลังบุกจับกุมภายในวัด เนื่องจากอายุความมีระยะเวลาถึง 15 ปี ถึงอย่างไรเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถได้ตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน
“เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะเจ้าหน้าที่เองก็ไม่อยากดำเนินการใดๆ ที่ก่อให้เกิดปัญหาบ้านเมืองขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ อีกทั้งคดีดังกล่าวก็เป็นความผิดฐานบุกรุกป่า ไม่ใช่ความผิดต่อชีวิตและร่างกาย ที่จะต้องใช้กำลังเข้าไปเอาตัวมาลงโทษโดยทันที” รอง ผบ.ตร.ระบุ และว่า หลังจากนี้จะให้เจ้าหน้าที่ประสานไปยังพระธัมมชโย เพื่อเจรจาในเข้ามอบตัว ซึ่งคดีในลักษณะนี้วงเงินประกันตัวประมาณ 100,000 บาท โดยเจ้าหน้าที่ก็ยินดีจะพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องการอนุญาตให้ประกันตัว หรือหากผู้ต้องหาระบุว่ามีความเจ็บป่วยไม่สามารถออกมาจากวัดได้ ตำรวจเองก็ยินดีเข้าไปพบเพื่อไปแจ้งข้อกล่าวหาและควบคุมตัวตามความเหมาะสมต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า การไม่เร่งรีบบุกเข้าจับกุมพระธัมมชโยนั้น ประวิงเวลาหรือไม่ รอง ผบ.ตร.ปฏิเสธว่า ไม่ใช่แน่นอน เพราะคดีดังกล่าวหมายจับออกแล้ว เพียงแต่เจ้าหน้าที่ทำตามขั้นตอนอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้พุทธศาสนาเสียหาย ไม่ใช่เพียงแค่พระธัมมชโย พระทุกรูปก็ต้องใช้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนดำเนินการใดๆ ที่ผ่านมาตำรวจเป็นเพียงผู้ช่วยสนับสนุนเจ้าหน้าที่ดีเอสไอในการดำเนินการเข้าจับกุมเท่านั้น จึงทำได้เฉพาะที่ได้รับการร้องขอ แต่ครั้งนี้เป็นหมายจับของตำรวจ คิดว่าคงไม่มีปัญหา ที่ผ่านมาก็เคยจับกุมพระธัมมชโยมาแล้วเมื่อครั้งตนยังทำงานอยู่ที่กองปราบฯ
ขณะที่ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ทราบว่าศาลจังหวัดสีคิ้วออกหมายจับพระธัมมชโย ซึ่งเป็นการดำเนินการของตำรวจ ส่วนดีเอสไอมีหมายจับ 1 หมาย คดีร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันรับของโจร กรณีรับเช็คบริจาคของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นฯ ส่วนการเข้าจับกุมพระธัมมชโยนั้น เป็นเรื่อง ละเอียดอ่อน ต้องรอประเมินความพร้อมทุกๆ อย่างให้รอบคอบ ดีเอสไอรอประเมินสถานการณ์ตลอด รวมทั้งขณะนี้รออัยการนัดฟังคำสั่งคดีสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร วันที่ 30 พ.ย.นี้
ทางด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่า การอนุมัติหมายจับของศาลจังหวัดสีคิ้วในครั้งนี้ นับได้ว่าพระธัมมชโยโดนออกหมายจับรวมแล้ว 3 ใบ สิ่งสำคัญคือในกรณีความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน ร่วมกันรับของโจร ที่พระธัมมชโยเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาร่วมด้วยนั้น โดยส่วนตัวเชื่อว่าพระธัมมชโยควรจะติดต่อขอมอบตัวเพื่อจะเป็นประโยชน์มากกว่าการดื้อแพ่งหลบอยู่แต่ในวัด และหากอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องคดีตามที่ได้แจ้งไว้ก่อนหน้านี้ คือในวันที่ 30 พ.ย.2559 ก็จะทำให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
“หากพระธัมมชโยไม่ติดต่อขอมอบตัว จนเกิดกรณีที่เจ้าหน้าที่จะต้องเข้าไปจับกุมตัวตามหมายจับแล้ว จะส่งผลให้โอกาสในการได้รับการประกันตัวแทบจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย ซึ่งหมายความว่าพระธัมมชโยจะต้องถูกจับสึกออกจากความเป็นพระภิกษุ โดยส่วนตัวก็ไม่อยากจะให้กรณีดังกล่าวเกิดขึ้น และเชื่อว่าในขณะนี้โอกาสในการขอมอบตัวของพระธัมมชโยยังสามารถดำเนินการได้”
นายไพบูลย์กล่าวถึงข้อเรียกร้องของทนายความธัมมชโย ที่ต้องการเลื่อนเวลาพิจารณาคดีโดยการตรวจสอบพยานหลักฐานให้ครบถ้วนก่อนว่า เป็นข้อเรียกร้องที่ไม่สามารถหยุดยั้งการพิจารณาคดีของพนักงานอัยการได้ ประเด็นสำคัญที่ต้องคำนึงคืออัยการได้มีความเห็นสั่งฟ้องนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานบริหารสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นฯ กับพวก ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนไปแล้ว จำเป็นจะต้องไปดำเนินคดีต่อเนื่องกับเส้นทางเงินจากความผิดดังกล่าวต่อไป ดังนั้นจึงต้องพิจารณาความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันรับของโจร ซึ่งเป็นคดีที่พระธัมมชโยมีความเกี่ยวข้องตกเป็นผู้ต้องหาด้วย
เขาเชื่อว่าอัยการคงไม่เปิดโอกาสตามคำเรียกร้องของทนายความพระธัมมมชโย และในวันที่ 30 พ.ย.นี้ คงได้เห็นการสั่งคดีของพระธัมมชโยว่าจะเป็นอย่างไร ทั้งนี้ หากพิจารณาย้อนไปดูเหตุการณ์ในช่วงปี 2541 ที่พระธัมมชโยตกเป็นผู้ต้องหานั้น พระธัมมชโยได้มอบตัวภายหลังจากอัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง ซึ่งเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้คณะรักษาความสงบแห่งชาติถูกประชาชนเรียกร้องเยอะมากในกรณีที่เกิดขึ้น หากไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายในคดีนี้ได้ ก็จะกลายเป็นปัญหาอย่างแน่นอน.