ชาญชัยทิ้งบอมบ์วิษณุยื้อเรื่อง’คิง เพาเวอร์

หัวข้อข่าว: ชาญชัยทิ้งบอมบ์วิษณุยื้อเรื่อง’คิง เพาเวอร์

ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา ฉบับวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

 

ผู้จัดการรายวัน360 – อนุกมธ.ปราบโกง สปท. ทิ้งบอมบ์ “วิษณุ” ยื้อเรื่อง “คิง เพาเวอร์” ฟ้องสังคมจับตา “กรมศุลฯ-ทอท.” เลิกสัญญาหรือไม่
นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมาธิการ(กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวถึงความคืบหน้า กรณี สตง.รายงานผลการตรวจสอบกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ต่อ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. และ สปท. เกี่ยวกับความเสียหายของรัฐที่เกิดจากการขายสินค้าปลอดอากรโดยไม่เชื่อมต่อ ระบบพอยต์ ออฟ เซล กับระบบของการท่าอากาศยาน (ทอท.) ที่ต้องได้ส่วนแบ่งร้อยละ 15 ตามสัญญาการซื้อขายสินค้านั้น
กรณีนี้ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการถึง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้ไปติดตามและเร่งแก้ไขปัญหานี้ ตั้งแต่เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า อีกทั้งเจ้าหน้าที่ ทอท.ได้ชี้แจงเพิ่มเติมต่อคณะอนุ กมธ.ฯ ว่า การให้การของกรรมการผู้จัดการใหญ่ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้จัดซื้ออุปกรณ์พอยต์ ออฟ เซล มาตั้งแต่ปี 2547 แต่ไม่มีการติดตั้งเชื่อมต่อกับระบบรับรู้รายได้จากการขายสินค้ากับ บริษัทคิง เพาเวอร์ กับ ทอท. ตามที่ระบุในสัญญา เป็นเหตุให้รัฐได้รับความเสียหายร่วม 40,000 ล้านบาท โดยเพิ่งติดตั้งเมื่อกลางปี 2559 นี้เอง
นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่ศาลฎีกา เคยพิพากษายกฟ้องในคดีหมิ่นประมาท ที่กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ฟ้องนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการ ที่เผยแพร่ข้อเท็จจริงผ่านสื่อ โดยมีหลักฐานเป็นคลิปบันทึกภาพว่า มีการนำสินค้าปลอดอากรมาจำหน่ายภายในประเทศโดยไม่ผ่านขั้นตอนการชำระภาษีของกรมศุลกากร และเป็นเหตุให้ผิดสัญญาหลักในการเช่าพื้นที่จำหน่ายสินค้าปลอดอากรจาก ทอท. รวมถึงเข้าข่ายการเพิกถอนใบอนุญาตจำหน่ายสินค้าปลอดอากร จากกรมศุลกากร โดยคดีนี้เคยเกิดขึ้นที่สนามบินดอนเมือง เมื่อปี 2541 และสามารถถือเป็นมาตรฐานในการเพิกถอนใบอนุญาตผู้ประกอบการค้าสินค้าปลอดอากร จึงต้องติดตามดูว่า กรมศุลกากร และ ทอท.จะพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาต และยกเลิกสัญญาเช่าพื้นที่หรือไม่ โดยในวันที่ 23 พ.ย.นี้ คณะกมธ.วิสามัญป้องกันและปราบปรามการทุจริต สปท. ที่มี นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ เป็นประธาน จะแถลงผลงาน ที่ห้อง 213-216 อาคารรัฐสภา 2 ตั้งแต่เวลา 09.00-15.30 น. ขอให้สื่อมวลชนติดตามด้วย เพราะเป็นการรักษาผลประโยชน์ของชาติ และเพื่อเป็นแนวทางในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยเฉพาะโครงการใหญ่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเงินจำนวนมาก.