หัวข้อข่าว: ปูดประมูลรถไฟทางคู่ส่งกลิ่นโกงปชป.แฉ 5 โครงการส่อล็อกสเปก
ที่มา: บ้านเมือง ฉบับวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2559
นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว “ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์” ว่า ตนเห็นด้วยที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ได้พยายามเร่งรัดให้มีการประมูลก่อสร้างรถไฟทางคู่ขนาดรางกว้าง 1 เมตรทั่วประเทศ ซึ่งตามแผนแม่บทที่จัดทำขึ้นในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ให้มีรถไฟทางคู่ทั้งหมด 28 โครงการ แบ่งเป็น 1.ก่อสร้างทางรถไฟสายเดิมเป็นทางคู่ จำนวน 17 โครงการ และ 2.ก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่เป็นทางคู่ จำนวน 11 โครงการ โดยรัฐบาลนี้ได้ประมูลเสร็จไปแล้ว 2 โครงการ และกำลังอยู่ในระหว่างการประมูล 5 โครงการ ตนมั่นใจว่านายกฯ มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้การประมูลมีความโปร่งใสและเป็นธรรม ไม่ให้มีการทุจริตคอรัปชั่นเกิดขึ้น แต่น่าเสียดายที่การประมูลโครงการรถไฟทางคู่อาจไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่ดีนั้น
นายสามารถ กล่าวว่า ตนได้ข่าวว่าสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทยไม่เห็นด้วยกับวิธีการประมูลโครงการรถไฟทางคู่ที่กำลังประมูลอยู่ในขณะนี้ทั้ง 5 โครงการ เพราะมีความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น โดยปกติแล้วผู้รับเหมาที่ได้งานก่อสร้างจะต้องมีเครื่องมืออุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในการก่อสร้าง แต่สำหรับการก่อสร้างรถไฟทางคู่ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการใช้ วิธีการแยบยลด้วยการจัดงบประมาณให้ผู้รับเหมาไปซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ก่อสร้างทางรถไฟบางรายการ แล้วให้ผู้รับเหมานำไปใช้ในงานก่อสร้างรถไฟทางคู่โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อใช้เสร็จแล้วก็มอบให้ ร.ฟ.ท. โดย ร.ฟ.ท.ได้กำหนดไว้ว่า “ผู้รับจ้างต้องจัดซื้อจัดหาของใหม่ที่ยังไม่ผ่านการใช้งานมาเพื่อใบช้ในการก่อสร้างและส่งมอบให้ ร.ฟ.ท.” ซึ่งเครื่องมืออุปกรณ์ก่อสร้างทางรถไฟดังกล่าวประกอบด้วย 1.รถอัดหินในทางทั่วไป 2.รถอัดหินในประแจ 3.รถเกลี่ยหิน และ 4.รถสั่นหิน ซึ่งมีมูลค่ารวมแต่ละโครงการกว่า 427 ล้านบาท หากรวมทั้ง 28 โครงการก็จะเป็นเงินถึงประมาณ 12,000 ล้านบาท
“แม้ว่าทาง ร.ฟ.ท.ได้ระบุข้อกำหนดทางเทคนิคหรือสเปกของเครื่องมืออุปกรณ์ทั้ง 4 รายการ แต่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ร.ฟ.ท.ไม่ได้แสดงรายละเอียดของสเปกดังกล่าวในขณะที่เปิดให้ผู้รับเหมาที่สนใจเข้าร่วมประมูลแสดงความคิดเห็นต่อสเปกว่าเหมาะสมหรือไม่ แต่ ร.ฟ.ท. เลือกจะแสดงรายละเอียดของสเปกเมื่อถึงขั้นตอนซื้อซองเอกสารประกวดราคา ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรได้อีก”
นายสามารถ กล่าวว่า สรุปความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้นในการประมูลก่อสร้างรถไฟทางคู่ 5 โครงการ มีดังนี้ 1.ร.ฟ.ท.ลงทุนซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ก่อสร้างทางรถไฟ 4 รายการ โดยให้ผู้รับเหมาโดยใช้เงินของ ร.ฟ.ท. แล้วให้ผู้รับเหมาใช้อุปกรณ์เหล่านั้นฟรี ซึ่งที่ถูกต้องแล้ว ทางผู้รับเหมาจะต้องจัดหาเครื่องมืออุปกรณ์เหล่านั้นโดยใช้เงินของเขาเอง เพราะต้องใช้ในการก่อสร้างอยู่แล้ว หาก ร.ฟ.ท.อ้างว่าต้องการเป็นเจ้าของเครื่องมืออุปกรณ์เหล่านั้น เพื่อใช้ในงานบำรุงรักษาในภายหลัง ร.ฟ.ท.ก็ควรที่จะเปิดประมูลจัดซื้อเอง โดยกำหนดสเปกให้เปิดกว้าง มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ไม่ใช่ใช้วิธีนี้ ซึ่งจะถูกครหาได้ว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้รับเหมา 2.ร.ฟ.ท.ไม่ได้แสดงสเปกของเครื่องมืออุปกรณ์ก่อสร้างทางรถไฟทั้ง 4 รายการ ในขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นจากผู้รับเหมาที่สนใจยื่นประมูล ซึ่งอาจนำไปสู่การล็อกสเปกได้ เพราะผู้รับเหมาที่สนใจเข้าร่วมประมูลไม่ได้เห็นสเปกในขั้นตอนรับฟังความคิดเห็น จะคัดค้านก็ไม่ได้ มาเห็นก็ต่อเมื่อได้ซื้อซองเอกสารประกวดราคาแล้ว ซึ่งหากสเปก ระบุไว้อย่างไรก็จะต้องปฏิบัติตามอย่างนั้น ไม่สามารถโต้แย้งได้ ถือว่าเป็นการมัดมือชก
“ความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้นเช่นนี้ ผมจำเป็นต้องส่งเสียงไปถึงท่านนายกฯ ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าท่านมีภารกิจมากมายอยู่แล้ว ทั้งนี้เพื่อให้การประมูลดำเนินไปอย่างโปร่งใสและเป็นธรรมตามเจตนารมณ์ที่ดีของท่าน และเพื่อให้การใช้เงินภาษีของประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพบนพื้นฐานที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน” นายสามารถระบุ