นายกฯ ประกาศเจตนารมณ์วันคอรัปชั่นสากล

หัวข้อข่าว: นายกฯประกาศเจตนารมณ์วันคอรัปชั่นสากล

ที่มา: บ้านเมือง ฉบับวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2559

 

ที่หอประชุมมหิดลสิทธาคาร มหาวิทยาลัยมหิดล (ศาลายา) จ.นครปฐม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดงานเนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล (ประเทศไทย) เนื่องในวันที่ 9 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล โดยในปีนี้รัฐบาลร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาครัฐวิสาหกิจเอกชน ภาคประชาสังคม โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. นพ.อุดม คชินทร อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. ผู้แทนจากองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ร่วมงาน โดย พล.อ.ประยุทธ์นำประชาชนชาวไทยน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช โดยการยืนสงบและปฏิญาณต่อตนเองในการดำรงตนด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
ทั้งนี้ก่อนที่นายกฯ จะเริ่มประกาศเจตนารมณ์ในการต่อต้านคอรัปชั่นได้สั่งให้ผู้ร่วมงานลุกขึ้นออกกำลังกายยืดเส้นยืดสาย เนื่องจากหลายคนเริ่มมีอารมณ์ง่วง เพราะมาร่วมงานกันตั้งแต่เช้า จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ประกาศเจตนารมณ์ในการต่อต้านคอรัปชั่นตอนหนึ่งว่า ปัญหาการคอรัปชั่นถือเป็นภัยร้ายแรงของโลก ทุกคนจึงควรร่วมมือกันต่อต้านเพราะปัญหาคือสิ่งเหล่านี้มองไม่เห็นตัวจึงต้องใช้ปัจจัยหลายอย่างในการแก้ปัญหา สำหรับปัญหาการคอรัปชั่นของไทยสั่งสมมานานรวมทั้งประเทศอื่นๆ ด้วย ปัญหาการคอรัปชั่นถือเป็นศัตรูร้ายทำให้ระบบการบริหารราชการล้มเหลว มีการทับซ้อนจนเกิดการทุจริตคอรัปชั่นและการบริหารงบประมาณ ผลที่ตามมาทำให้รายได้ของรัฐสูญเสียส่งผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจสังคม การเมือง การศึกษาซึ่งเมื่อเกิดการทุจริตก็จะทำให้การบริหารขาดความต่อเนื่อง ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องวางมาตรการและยุทธศาสตร์ชาติไว้ล่วงหน้า 20 ปีและประกาศการต่อต้านคอรัปชั่นอย่างจริงจัง
นายกฯ กล่าวว่า ทุกคนทราบดีว่าอะไรคือผลเสียแต่ยังแก้ไม่ได้มากนัก ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่ามาจากที่รายได้ของทุกคนแตกต่างกันและหากทุกคนยึดแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช คือมีน้อยใช้น้อยอยู่อย่างพอเพียงก็จะไม่เกิดปัญหา ดังนั้นเราต้องสร้างหลัก 3 ประการคือทำอย่างไรให้ไม่ไปร่วมมือกันทุกจริต ทำอย่างไรให้ครอบครัวอยู่ได้ และทำอย่างไรที่จะพัฒนาตัวเองให้มีรายได้สูงขึ้น ที่ผ่านมาเรายังคงอยู่แบบเดิม มีการพัฒนาประเทศแบบเดิม ยังคงมีการช่วยเหลือกันในระบบพวกพ้อง ซึ่งไม่มีการจะแก้ปัญหาเหล่านี้ รัฐบาลชุดนี้จึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลก่อนๆ ไม่เคยเตรียมการไว้ มีการนำเงินงบประมาณไปใช้แบบสุรุ่ยสุร่ายซึ่งไม่ถูกต้อง ในส่วนของเจ้าหน้าที่เองก็คิดแต่ว่าถ้ามีช่องทางก็จะทุจริต ขอร้องว่าอย่าคิดแบบนั้น เราต้องช่วยกันคิดร่วมกันป้องกันอย่าให้เกิดการรั่วไหล อย่าเอาสิ่งเก่าๆ มาเปรียบเทียบ