พาณิชย์ชง’กรมบังคับคดี’ เรียก2หมื่นล้าน’ข้าวจีทูจี’

หัวข้อข่าว: พาณิชย์ชง’กรมบังคับคดีเรียก2หมื่นล้านข้าวจีทูจี

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2559

 

“พาณิชย์” ส่งหนังสือถึงกรมบังคับคดี บังคับ ทางปกครองรีดค่าเสียหายจีทูจีข้าว 2 หมื่นล้านบาท 6 นักการเมือง-ข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ขณะที่กลุ่ม ผู้ต้องชดใช้ตอบโต้ร้องศาลปกครองขอทุเลาคำสั่งด่วน

 

นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้า ต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ กรมได้ส่งหนังสือบังคับทางปกครองไปยังกรมบังคับคดี เพื่อขอให้ดำเนินการเรียกค่าเสียหายกรณีการขายข้าวรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) 4 สัญญา ปริมาณ 6.2 ล้านตัน มูลค่าความเสียหาย 2 หมื่นล้านบาท กับนักการเมืองและข้าราชการที่เกี่ยวข้องทั้ง 6 ราย หลังจากที่ได้มีการส่งหนังสือเตือนให้ชดใช้ค่าเสียหาย เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งครบกำหนดระยะเวลา 15 วันไปเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ ล่าสุดนักการเมืองและข้าราชการทั้ง 6 ราย ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองแล้ว เพื่อขอให้ยกเลิกคำสั่งบังคับทางปกครองชดใช้ค่าเสียหายจีทูจีข้าว และขอให้ทุเลาการบังคับคดีดังกล่าว หากศาลปกครองพิจารณาแล้วมีคำสั่งทุเลา การดำเนินการ ดังกล่าวก็จะหยุดไว้ก่อน เพื่อรอการพิจารณาทางคดีของศาลปกครอง แต่หากศาลมีคำสั่งไม่ทุเลา ทางกรมบังคับคดีก็จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนการบังคับทางปกครอง เพื่อยึดทรัพย์กับบุคคลที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายต่อไป
“เรื่องนี้ต้องใช้ระยะเวลา แต่ขั้นตอนของกระทรวงพาณิชย์เสร็จสิ้นแล้ว หลังจากครบกำหนดการส่งหนังสือแจ้งเตือนเป็นครั้งที่ 2 ใน 15 วัน ก็ส่งหนังสือไปยังกรมบังคับคดี ตามม. 44 ที่ออกคำสั่งมา ซึ่งกรมบังคับคดีก็จะทำการสืบค้นว่าทรัพย์อยู่ตรงไหนบ้าง ก็ต้องใช้ระยะเวลา แต่หากศาลปกครองมีคำสั่งทุเลาขั้นตอนทุกอย่างก็จะหยุดไว้ก่อน และไปเข้าสู่กระบวนการของศาลแทน” นางดวงพร กล่าว
สำหรับ การเรียกร้องค่าเสียหายในส่วนโครงการรับจำนำข้าว ที่มีการเรียกเก็บจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวงเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท หรือสัดส่วน 20% จากวงเงินรวมค่าเสียหายจำนำข้าว 1.78 แสนล้านบาท และอีกสัดส่วน 80% หรือประมาณ 1.4 แสนล้านบาท จะเรียกจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีรายชื่อที่รมว.ยุติธรรมสรุปออกมาเบื้องต้นถึง 6,000 รายชื่อนั้น มองว่าผลสรุปสุดท้ายคงไม่ถึง 6,000 รายชื่อ เนื่องจากการสรุปบุคคลที่เกี่ยวข้องออกมานั้นเป็นการตั้งต้น เพื่อแสวงหาข้อมูลบุคคลที่เกี่ยวข้องจริงๆ และผู้ที่ต้องรับผิดชอบควรเป็นผู้กำหนดนโยบายมากกว่าผู้ปฏิบัติงานตามคำสั่งของโครงสร้างคณะกรรมการ
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า นักการเมืองและอดีตข้าราชการ 6 ราย ที่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย ได้แก่ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ ต้องชดใช้ค่าเสียหาย 1,770 ล้านบาท, นายภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์ 2,300 ล้านบาท ส่วนพ.ต.ท.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการรมว.พาณิชย์ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และนายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ ต้องชดใช้ค่าเสียหายคนละ 4,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกันนายประยงค์ ปรียาจิต เลขาธิการคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ(ป.ป.ท.) ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กล่าวถึงการเรียกเก็บค่าเสียหายทางแพ่งจากโครงการรับจำนำข้าวอีก 80 % จากฝ่ายปฏิบัติ ว่า ขณะนี้มีคดีกว่า 986 คดี ซึ่งมีคำสั่งตั้งอนุกรรมการพิจารณาไต่สวนแล้ว 911 คดี
โดยในวันที่ 23 ธ.ค. จะเชิญคณะอนุกรรมการไต่สวนพูดคุยถึงวิธีการทำงาน เพราะในแต่ละคดีมีมูลเหตุเดียวกันและรูปแบบคล้ายคลึงกัน เพื่อทำให้การพิจารณารวดเร็วขึ้น ทั้งนี้ ยืนยันว่าคณะอนุกรรมการทั้งหมดจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสำนวนคดี และเมื่อไต่สวนเสร็จแล้วจะเร่งรายงานให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ ซึ่งคาดว่าเสร็จภายใน 6 เดือน
อย่างไรก็ตาม สำหรับตำแหน่งประธานศอตช. นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ ว่าที่รมว.ยุติธรรม จะทำหน้าที่ประธานศอตช.โดยตำแหน่ง หลังจากที่พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ไปดำรงตำแหน่งองคมนตรี