หัวข้อข่าว: จ่อสอบคนมีสีเอี่ยวแก๊งเงินกู้
ที่มา: ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2559
แจ้งวัฒนะ * ศอตช.เดินหน้าขอชื่อเจ้าหน้าที่เอี่ยวแก๊งเงินกู้หมวกกัน น็อก ขณะที่ดีเอสไอประชุมร่วม สตช.ขยายผล เล็งสอบสวนลูกหนี้ 1.7 แสนราย จ่อรับวิชัยถึงสุวรรณภูมิ ระบุขอสู้ตามกระบวนการ
เมื่อวันอาทิตย์ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อวางแนวทางดำเนินการในคดีเครือข่ายปล่อยกู้นอกระบบรายใหญ่ของนายวิชัย ปั้นเงิน ซึ่งมีจำนวนลูกหนี้เบื้องต้นกว่า 170,000 ราย โดยคาดว่าอาจต้องมีการแยกสำนวนตามจำนวนลูกหนี้เป็นรายบุคคล และแบ่งการสอบสวนออกเป็นรายจังหวัด ซึ่งคดีดังกล่าวมีลูกหนี้กระจายอยู่หลายจังหวัดทั่วประเทศ
พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่นายวิชัยติดต่อจะ ขอเข้ามอบตัวนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าจะให้ประกันตัวในชั้นสอบสวนหรือไม่ ต้องขอพิจารณารายละเอียดในสำนวนประกอบกับพฤติการณ์คดีและคำร้องยื่นขอประกันตัวก่อน
“ดีเอสไอได้ประสานหมายจับไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ทุกด่านเข้าออกประเทศ หากพบเห็นนายวิชัยให้ควบคุมตัวมาส่งพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ทั้งนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันที่แน่ชัดว่านายวิชัยจะเดินทางเข้ามาประเทศไทย ตามที่มีการประสานจากทนายความมาก่อนหน้านี้หรือไม่” พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าว
เขาระบุด้วยว่า ในส่วนของคดีสัปดาห์นี้จะมีการประชุมคณะทำงานเพื่อกำหนดหน้าที่การปฏิบัติงานเพิ่มเติมในจุดที่ยังไม่มีการเข้าตรวจค้น และต้องประสานขอกำลังในการเข้าตรวจค้นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากการเข้าตรวจค้นต้องใช้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในหลายส่วน
ด้านแหล่งข่าวจากกระ ทรวงยุติธรรมระบุว่า นายวิชัยจะเดินทางออกจากประเทศญี่ปุ่นในช่วงวันที่ 27 ธ.ค. โดยจะกลับมาถึงประเทศไทยในช่วงเช้าวันที่ 28 ธ.ค.ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งดีเอสไอจะจัดเจ้าหน้าที่ไปทำการรับตัวผู้ต้องหาจากสนามบินมายังดีเอสไอเพื่อดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาตามขั้นตอนของกฎหมาย
“ทั้งนี้ มีการต่อรองกับเจ้าหน้าที่ถึงการเดินทางเข้ามอบตัว ซึ่งแสดงถึงเจตนาในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อเป็นเหตุในการยื่นขอประกันตัว อย่างไรก็ตาม สัปดาห์หน้าคาดว่าจะมีความคืบหน้าเกี่ยวกับการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของเครือข่าย ซึ่งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้รับไปตรวจสอบก่อนหน้านี้ โดยเครือข่ายดังกล่าวมีการกระทำผิดต่อเนื่องมาหลายปี จึงคาดว่าน่าจะมีร่องรอยธุรกรรมที่สามารถสาวไปถึงตัวผู้อยู่เบื้องหลัง รวมถึงการจ่ายเงินเคลียร์เจ้าหน้าที่ด้วย” แหล่งข่าวระบุ
แหล่งข่าวระบุด้วยว่า สำ หรับเครือข่ายนี้หลังการรัฐประหารเคยถูกตรวจค้นมาแล้ว 3 ครั้ง แต่ก็ไม่สามารถออกหมายจับตัวการได้เพราะไม่ปรากฏหลักฐานทางคดี เนื่องจากข้อมูลเครือข่ายการเก็บเงินต่างๆ ถูกเก็บไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งต่อมาดีเอสไอสามารถเจาะระบบเซิร์ฟเวอร์ได้จนทราบความเชื่อมโยงของบุคคลที่เกี่ยวข้องและนำไปสู่การออกหมายจับนายวิชัย
“ทั้งนี้ ภายหลังปฏิบัติการตรวจค้นเครือข่ายเงินกู้แก๊งหมวกกันน็อก ซึ่งปรากฏบัญชีรายชื่อเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปพัวพันกว่า 1,000 รายชื่อ ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ได้ติดต่อขอรับข้อมูลพฤติการณ์คดีจากดีเอสไอเพื่อนำไปดำเนินการทางวินัยต่อไป โดยเบื้องต้นพบว่าข้าราชการที่เข้าไปเกี่ยวข้องเป็น กลุ่มคนมีสี” แหล่งข่าวระบุ
ทั้งนี้ ดีเอสไอได้ตรวจค้นจับ กุมกลุ่มขบวนการปล่อยเงินกู้นอกระบบรายใหญ่ที่สุดของประเทศ มีเครือข่ายผู้ร่วมขบวนการกระทำความผิดมากกว่า 2,000 ราย และมีประชาชนที่เป็นลูกหนี้ประมาณ 170,000 ราย รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดและอายัดกว่า 150 ล้านบาท และจากข้อมูลยังพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องอีกกว่า 1,000 คน.