หัวข้อข่าว: สปน.แจงบี้ขรก.ทุจริต1.1หมื่นล.
ที่มา: ข่าวสด ฉบับวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2559
เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. นายจิรชัย มูลทองโร่ย ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เป็นหน่วยงานกลางเร่งรัดติดตามหน่วยงานของรัฐที่เกิดกรณีเงินขาดบัญชีหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริต ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือมติครม.ที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ทั้งการชดใช้เงินหรือทรัพย์สินคืน การดำเนินการทางแพ่ง อาญา หรือทางวินัยโดยเร็ว โดยให้สปน.รายงานให้นายกฯทราบทุก 6 เดือน โดยในปีงบประมาณ 2559 ได้รับเรื่องเงินขาดบัญชีและเจ้าหน้าที่รัฐทุจริต 151 เรื่อง ดำเนินการจนได้ข้อยุติแล้ว 20 เรื่อง ปัจจุบันมีเรื่องเงินขาดบัญชีและเจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริตที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานของสปน. 2,838 เรื่อง รวมเป็นเงินที่เสียหาย 11,383 ล้านบาท
นายจิรชัยกล่าวต่อว่า หน่วยงานที่มีทุจริตมาก 3 อันดับแรกคือ องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น 1,496 เรื่อง กระทรวงมหาดไทย 219 เรื่อง และกระทรวงศึกษาธิการ 218 ส่วนประเภทการทุจริต อันดับหนึ่งคือ การยักยอกเงินหรือทรัพย์สินราชการ 1,507 เรื่อง การปฏิบัติผิดระเบียบ 656 เรื่อง การจัดซื้อจัดจ้าง 605 เรื่อง การเบิกค่าเช่าบ้านเท็จ 39 เรื่อง การทุจริตน้ำมันเชื้อเพลิง 20 เรื่อง และการเบิกค่ารักษาพยาบาลเท็จ 11 เรื่อง
วันเดียวกัน สำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้แจงกรณีมีผู้ร้องเรียนต่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ขอให้ตรวจสอบคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่องการออกระเบียบป.ป.ช.ว่าด้วยการแต่งตั้งทนายความและการจ่ายเงินรางวัลและค่าใช้จ่ายแก่ทนายความ พ.ศ. 2552 และใช้เงินงบประมาณจำนวนมาก ว่าจ้างสภาทนายความเพื่อฟ้องคดีต่างๆ ให้กับป.ป.ช.นั้น
ป.ป.ช.ขอชี้แจงว่า ตามที่กฎหมายให้ป.ป.ช.มีอำนาจฟ้องคดีเองหรือแต่งตั้งทนายให้ฟ้องคดีแทน ดังนั้นเมื่อมีกรณีต้องแต่งตั้งทนายให้ฟ้องคดีแทน จึงอยู่ในขอบเขตอำนาของ ป.ป.ช. ที่จะต้องกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขแต่งตั้งทนาย รวมทั้งค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการฟ้องคดีแทน ป.ป.ช.จึงออกระเบียบป.ป.ช.ว่าด้วยการแต่งตั้งทนายฯ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 25(4) และมาตรา 107 แห่งพ.ร.บ. ว่าด้วยป.ป.ช.
ตามระเบียบฯ กำหนดให้สำนักงาน ป.ป.ช. ประสานสภาทนายความ เพื่อเสนอรายชื่อทนายที่มีความรู้ ความสามารถในการว่าความมาให้ป.ป.ช. พิจารณาแต่งตั้งเพื่อฟ้องคดีแทน ซึ่งสอดคล้องกับพ.ร.บ.ทนายความ พ.ศ. 2528 มาตรา 8 ดังนั้น ยืนยันว่าการแต่งตั้งทนายให้ฟ้องคดีแทนของป.ป.ช. เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และการใช้เงินงบประมาณ อยู่บนพื้นฐานตามความจำเป็นและเหมาะสมแล้ว ส่วนที่มีการร้องเรียนมานี้ สตง.ได้ส่งเรื่องมาให้ป.ป.ช. ดำเนินการ ซึ่งป.ป.ช.พิจารณาประเด็นดังกล่าวเสร็จแล้ว อยู่ระหว่างการจัดทำหนังสือเพื่อแจ้งผลไปยังสตง.ต่อไป