ศาลอุทธรณ์สั่งโทษจำคุก5ปี พิจิตต รัตตกุล ซื้อที่จอดรถแพง

หัวข้อข่าว: ศาลอุทธรณ์สั่งโทษจำคุก5ปี พิจิตต รัตตกุล ซื้อที่จอดรถแพง

ที่มา: คม ชัด ลึก ฉบับวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2559

 

ศาลอุทธรณ์พลิก พิพากษาแก้ จำคุก 5 ปี “พิจิตต รัตตกุล” อดีตผู้ว่าฯ กทม.อดีตเลขาฯ คดีจัดซื้อที่ดินจอดรถขยะแพงเกินจริง ส่วนอดีตผู้อำนวยการเขตบางซื่อจำคุก 7 ปี
เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ที่ห้องพิจารณา 907 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายพิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่าฯ กทม., นาย ญาณเดช ทองสิมา อดีตรองผู้ว่าฯ กทม., นายมหินทร์ ตันบุญเพิ่ม อดีตที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม., นายสมคาด สืบตระกูล อดีตเลขานุการผู้ว่าฯ กทม., นายประเสริฐ สมะลาภา อดีตปลัด กทม., นายสมควร รวิรัฐ อดีต ผอ.สำนักการคลัง กทม., นางอรุณพรรณ แก้วมรินทร์ อดีต ผอ.กองระบบการคลัง กทม. และนายชวน พัฒนวรานนท์ อดีต ผอ.เขตบางซื่อ เป็นจำเลยที่ 1-8 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดย ทุจริตฯ, ร่วมกันเรียก รับ หรือยอมจะรับ ทรัพย์สินสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบฯ, ร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดย มิชอบ กรณีใช้อำนาจในหน้าที่ ให้กรุงเทพมหานคร จัดซื้อที่ดินใช้เป็นที่จอดรถขยะ รถน้ำ และรถอื่นๆ ของ กทม.ย่านบางซื่อ ในราคา 270 ล้านบาท ซึ่งแพงเกินจริงเป็นเงินกว่า 36 ล้านบาท และรับค่านายหน้าขายที่ดิน เป็นเงิน 18 ล้านบาท เหตุเกิดระหว่างวันที่ 4 ธันวาคม 2538-16 กันยายน 2540
คดีนี้อัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อเดือนตุลาคม 2553 ระบุว่า ระหว่างวันที่ 4 ธันวาคม 2538-16 กันยายน 2540 พวกจำเลยร่วมกับนายสมคาด และนายชวน เรียกทรัพย์สินจากการดำเนินการจัดซื้อที่ดินของนายสุพจน์ และนางสุณี มโนมัยพันธุ์ เพื่อจัดหาสถานที่เพื่อใช้เป็นที่จอดรถขยะรถน้ำของ กทม.หลังมีการประกาศให้ประชาชนเสนอขายที่ดินแก่ กทม. ต่อมานายชวนได้รายงานว่า นายสุพจน์ และนางสุณี เสนอขายที่ดิน 17 แปลง เนื้อที่ 11 ไร่ 1 งาน 76 ตารางวา พร้อมอาคารและสิ่งก่อสร้างที่ตั้งอยู่ใน
ซอยเรียงปรีชา ถนนประชาราษฎร์ 1 แขวงและเขตบางซื่อ กทม. ราคาตารางวาละ 6 หมื่นบาท และบริษัท วินโล จำกัด เสนอขายที่ดินเนื้อที่ 9 ไร่ 1 งาน 42 ตารางวา แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. ราคาตารางวาละ 6.5 หมื่นบาท ต่อมานายชวน มีหนังสือสอบถามราคาประเมินที่ดินของนายสุพจน์เพียงรายเดียว รวม 15 โฉนด ไปยังสำนักงานที่ดิน กทม.ที่ตีราคาประเมินที่ดินดังกล่าวตารางวาละ 4.2 หมื่นบาท
ขณะที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ตีราคาประเมินตารางวาละ 6 หมื่นบาท นอกจากนี้ที่ดินนั้นก็ไม่ปรากฏว่าทางเข้า-ออกได้จดทะเบียนโอนเป็นทางสาธารณประโยชน์ แต่ทางเข้า-ออกตกเป็นภาระจำยอมโดยการจัดซื้อที่ดินได้เสนอให้จำเลยพิจารณาอนุมัติจัดซื้อที่ดิน พร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวโดยวิธีการพิเศษ ตามข้อบัญญัติ กทม.เรื่องการพัสดุ พ.ศ.2538 โดยมีนายสมควร รวิรัฐ ผอ.สำนักการคลัง กทม. เป็นประธานกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษอันเป็นการขัดต่อข้อบัญญัติ กทม.เรื่องการพัสดุ พ.ศ.2538 เนื่องจากไม่ใช่พัสดุที่ต้องซื้อเร่งด่วน แต่คณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษเชิญนายสุพจน์และนางสุณีต่อรองราคาโดยไม่พิจารณาผู้เสนอขายรายอื่นก่อนมีมติให้จัดซื้อที่ดินดังกล่าวในราคาตารางวาละ 59,900 บาท รวมเนื้อที่ 11 ไร่ 1 งาน 76 ตารางวา ซึ่งรวมราคา 270 ล้านบาท กระทั่งวันที่ 16 กันยายน 2540 จำเลยมอบอำนาจให้นายชวนทำสัญญาจัดซื้อที่ดินจากนายสุพจน์
คดีนี้ศาลชั้นต้นได้พิพากษาเมื่อปี 2558 ว่า นายสมคาด กระทำผิดตามมาตรา 149 ให้จำคุก 8 ปี ส่วนนายชวน กระทำผิดฐานเรียกรับทรัพย์สินฯ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ มิชอบฯ ตามมาตรา 149 และ 157 ซึ่งเป็นการกระทำผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 10 ปี ต่อมาอัยการโจทก์ จำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 8 ยื่นอุทธรณ์ โดยวันนี้นายพิจิตต จำเลยที่ 1 นายสมคาด จำเลยที่ 4 และนายชวน จำเลยที่ 8 พร้อมทนายความและบุคคลใกล้ชิดเดินทางมาศาล
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลยที่ 4 เป็นเวลา 8 ปี และจำคุกจำเลยที่ 8 เป็นเวลา 10 ปีนั้น ศาลอุทธรณ์เห็นว่าหนักเกินไป อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน จึงพิพากษาแก้เป็นจำคุกจำเลยที่ 1 และ 4 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 คนละ 5 ปี และให้จำคุกจำเลยที่ 8 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 เป็นเวลา 7 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ภายหลังทนายความจำเลยได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 1, 4 และ 8 ระหว่างฎีกาสู้คดี พร้อมนำหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดิน จำนวน 5 ล้านบาท และ 8 ล้านบาท ให้ศาลพิจารณา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาของศาลว่าจะอนุญาตให้ประกันตัวชั่วคราวหรือไม่