หัวข้อข่าว: แฉเจ้าหน้าที่รัฐทุจริตหมื่นล. บี้แจงข้อมูลก่อนชงบิ๊กตู่
ที่มา: เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2560
นายจิรชัย มูลทองโร่ย ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มีหลายหน่วยงานของรัฐ มีปัญหาเรื่องเงินขาดบัญชี หรือเจ้าหน้าที่รัฐทุจริตกว่า 2,800 เรื่อง คิดเป็นมูลค่าความเสียหายสูงถึง 11,000 ล้านบาท ซึ่งได้แจ้งให้ทั้งหน่วยงานรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐมาชี้แจงข้อเท็จจริง รวมถึงความคืบหน้าการดำเนินการทางแพ่ง อาญาและวินัย ในแต่ละกรณีให้ชัดเจน ก่อนเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณา
“ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหา และสั่งให้เจ้าหน้าที่มารายงานความคืบหน้าทันที เพราะที่ผ่านมาเกิดกรณีเงินขาดบัญชี และเจ้าหน้าที่รัฐกระทำการทุจริต ทั้งการยักยอกเงินของรัฐ การใช้เงินในทางที่ไม่เหมาะสม รวมทั้งการนำรถยนต์ของราชการไปใช้ส่วนตัว โดยนำไปจอดที่บ้าน ซึ่งถือว่าเข้าข่ายกระทำความผิดเช่นเดียวกัน ซึ่งบทลงโทษก็มีตั้งแต่ผิดทางวินัย สูงสุดคือ ให้ออกจากราชการ รวมทั้งมีความผิดทางแพ่ง ที่ต้องเรียกร้องค่าเสียหาย และความผิดทางอาญา ซึ่งที่ผ่านมา สำนักงานปลัดฯ ได้เร่งรัดดำเนินการ เพราะจากตัวเลขที่รับทราบมามีการ กระทำผิดหลายกรณี และมีมูลค่าความเสียหายคิดเป็นวงเงินจำนวนมาก”
สำหรับปีงบประมาณ 59 สำนักงานปลัดฯ ได้รับเรื่องเงินขาดบัญชีและเจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริต ตรวจพบโดยหน่วยงานเองหรือโดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน 151 เรื่อง แยกเป็นราชการส่วนกลาง 25 เรื่อง ส่วนภูมิภาค 30 เรื่อง ส่วนท้องถิ่น 61 เรื่อง และรัฐวิสาหกิจ 35 เรื่อง เป็นเรื่องที่สามารถดำเนินการจนได้ข้อยุติแล้ว 20 เรื่อง
ปัจจุบันมีเรื่องเงินขาดบัญชีและเจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริต ที่อยู่ในระหว่างการดำเนินงานของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี 2,838 เรื่อง รวมเป็นเงินที่เสียหาย 11,383 ล้านบาท จำแนกเป็น ราชการส่วนกลาง 234 เรื่อง ราชการส่วนภูมิภาค 640 เรื่อง ราชการส่วนท้องถิ่น 1,496 เรื่อง และรัฐวิสาหกิจและองค์การมหาชน 468 เรื่อง โดยหน่วยงานที่มีการทุจริตมาก 3 อันดับแรก คือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 1,496 เรื่อง กระทรวงมหาดไทย 219 เรื่อง และกระทรวงศึกษาธิการ 218 เรื่อง ถ้าจำแนกตามประเภทการทุจริต อันดับหนึ่ง คือ การยักยอกเงินหรือทรัพย์สินราชการ 1,507 เรื่อง การปฏิบัติผิดระเบียบ 656 เรื่อง การจัดซื้อจัดจ้าง 605 เรื่อง การเบิกค่าเช่าบ้านเท็จ 39 เรื่อง การทุจริตน้ำมันเชื้อเพลิง 20 เรื่อง และการเบิกค่ารักษาพยาบาลเท็จ 11 เรื่อง
สำหรับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเร่งรัด ติดตามเกี่ยวกับกรณีเงินขาดบัญชี หรือเจ้าหน้าที่รัฐทุจริต พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ได้กำหนดให้สำนักงานปลัดฯ เป็นหน่วยงานกลางติดตามการให้หน่วยงานของรัฐที่เกิดกรณีเงินขาดบัญชี หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริต ต้องให้มีการชดใช้เงินหรือทรัพย์สินคืน รวมทั้งดำเนินการทางแพ่ง ทางอาญาและทางวินัยกับผู้เกี่ยวข้องเคร่งครัด แล้วจากนั้นจึงแจ้งผลการดำเนินงานให้กับสำนักงานปลัดฯ ทุก 3 เดือน โดยสำนักงานปลัดฯ จัดทำรายงานเสนอนายกฯ ทุก 6 เดือน
นายจิรชัย กล่าวว่าที่ผ่านมาสำนักงานปลัดฯ ยังได้หาทางควบคุมด้วยการให้ความรู้กับเจ้าหน้าที่โดยล่าสุดได้จัดสัมมนาเพื่อส่งเสริมความรู้ให้เจ้าหน้าที่รัฐในท้องถิ่นไปแล้ว เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานควบคู่ไปกับการหาแนวทางป้องกัน และป้องปรามการเกิดกรณีปัญหาเงินขาดบัญชี หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริตในหน่วยงานของตัวเอง ถือว่า เป็นการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่ให้รัฐป้องกันและปราบปรามการทุจริต ซึ่งถือเป็นวาระสำคัญเร่งด่วนของชาติ และเป็นเรื่องที่ต้องแทรกอยู่ในการปฏิรูปทุกด้าน