หัวข้อข่าว: กกต.ชะลอทำสัญญาจ้างอำพลหลังพบเคยถูกปปช.สอบทุจริต
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา ฉบับวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2560
ผู้จัดการรายวัน360 – กกต.ชะลอ เซ็นสัญญาว่าจ้าง อำพล เป็นเลขาฯ พบมีเรื่องถูกร้องเรียนทำหนังสือสอบถาม ป.ป.ช.อีกรอบก่อนตัดสินใจ เชื่อ 15 วันรู้ผล ยันกระบวนการสรรหาไม่ได้ประมาทเลินเล่อ
นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมด้วยนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารกลาง แถลงภายหลัง ประชุม กกต. ว่าที่ประชุมได้พิจารณาถึงการทำสัญญาจ้าง นายอำพล วงศ์ศิริ ที่ กกต.มีมติเมื่อวันที่ 13 ม.ค. คัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กกต. แต่ปรากฏว่า มีการนำเสนอข่าวทางสื่อว่า นาย อำพล ถูก ป.ป.ช. สอบสวน เรื่องสมัยดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ แต่งตั้งบุคคลดำรงตำแหน่ง ผอ.สำนักเลขาธิการ และผอ.สำนักนโยบายยุทธศาสตร์ ป.ป.ท. โดยไม่ชอบ ซึ่งเรื่องดังกล่าว กกต.เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ การพิจารณาแต่งตั้งควรเป็นไปด้วยความรอบคอบ เป็นประโยชน์กับสำนักงาน เพราะเลขาฯ กกต. เป็นตำแหน่ง แม่บ้าน ต้องมีความเป็นกลางทาง การเมือง ซื่อสัตย์ สุจริต ดังนั้น ประชุมจึงมีมติ
1. ให้สำนักงานมีหนังสือไปยังสำนักงาน ป.ป.ช. คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ให้ตรวจสอบกรณีดังกล่าวว่า มีข้อเท็จจริงอย่างไร และอยู่ในขั้นตอนใดของการสอบสวน ซึ่งก็ถือว่าเป็นการให้ความเป็นธรรมกับนายอำพล และเพื่อประโยชน์สูงสุดของสำนักงาน กกต. รวมทั้งขอให้ชี้แจงว่า ก่อนหน้านี้ในชั้นการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครเข้ารับการสรรหาเป็นเลขาธิการ กกต.ที่ กกต.ขอข้อมูลผู้สมัครไปยังหน่วยงานต่างๆ ซึ่งรวมถึงนายอำพล เหตุใด ป.ป.ช. จึงมีหนังสือตอบกลับมาครั้งแรก ระบุว่า นายอำพล มีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กฎหมายกำหนด คาดว่าจะได้รับหนังสือแจ้งผลภายใน 15 วัน
2. ในระหว่างการตรวจสอบจากทั้งสองหน่วยงาน ให้สำนักงาน กกต. ชะลอการลงสัญญาจ้างออกไปก่อน เพื่อให้เกิดความถูกต้องโปร่งใสและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่กกต. และเป็นธรรมแก่นายอำพลด้วย ทั้งนี้ เมื่อได้ข้อเท็จจริงครบถ้วนแล้ว กกต.จะมีการประชุมอีกครั้งเพื่อดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตามยืนยันการดำเนินการสรรหาเลขาฯของ กกต. ตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ. 59 จนถึงวันที่ 13 ม.ค. 60 ที่มติคัดเลือกไม่ได้ประมาทเลินเล่อ มีการดำเนินการอย่างรอบคอบ เพราะในครั้งแรกได้มีการสอบถาม และได้รับคำตอบแล้วว่ามีคุณสมบัติครบถ้วน
ด้านนายสมชัย กล่าวว่า ในส่วนของ กกต.ได้มีการหารือเบื้องต้น แล้วว่า หากเป็นกรณีของการทุจริต เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องการร้องเรียนที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล ก็ต้องมาพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง แต่ทั้งหมดต้องดูคำตอบจาก ป.ป.ช. ก่อนว่าการพิจารณาเรื่องร้องเรียนดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนใด ซึ่งยังไม่สามารถตอบได้ว่าถ้าที่สุด กกต.มีมติไม่ทำสัญญา แล้วจะต้องเริ่มกระบวนการสรรหาใหม่ หรือไม่ แต่แม้ที่สุดถ้ามีการลงนามสัญญาจ้างกัน ทำงานกันแล้ว 3 ปี 5 ปี ป.ป.ช. มีการชี้มูลตามกระบวนการ ผู้นั้นก็ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ แต่ไม่ใช่ความผิดของผู้ว่าจ้าง หรือจะต้องมาถามคนแต่งตั้ง ต้องรับผิดชอบอย่างไร เพราะตอนที่แต่งตั้งยังไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น.