ชงฟันรันเวย์บางกอกแอร์รุกที่’แก้มลิง

หัวข้อข่าว: ชงฟันรันเวย์บางกอกแอร์รุกที่’แก้มลิง

ที่มา: เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

 

ชง ป.ป.ช.ฟันผู้กระ ทำผิด หลัง กมธ.บริหารราชการแผ่นดินระบุ สนามบินเกาะสมุยรุกถมคลองสาธารณะ เผยพื้นที่เดิมเป็น “แก้มลิง” ของชาวบ้าน ใช้รองรับน้ำก่อนระบายลงสู่ทะเล ราชพัสดุ-จนท.ประถมศึกษาจังหวัดนำมาขึ้นทะเบียนที่ดินไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อกรมธนารักษ์อนุญาตให้ “บางกอกแอร์เวย์” เช่าทำรันเวย์ จึงถือเป็นการบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขให้ถูกต้อง พร้อมส่งเรื่อง กมธ.คมนาคมจัดการปมตั๋วแพง

 

เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า คณะอนุกรรมาธิการจัดระบบการบริหารราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ในคณะกรรมาธิการบริหารราชการแผ่นดิน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ สมาชิก สนช. เป็นประธาน ได้พิจารณากรณีการบุกรุกคลองสาธารณประโยชน์ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน (ท่าอากาศยานนานาชาติเกาะสมุย) อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เป็นเรื่องร้องเรียนของ นายวุฒิพร เดี่ยวพานิช นายกสมาคมสิทธิผู้บริโภค และคณะ เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2559

 

ผลจากการศึกษาข้อมูลข้อเท็จจริงจากผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและผู้ร้องเรียน ประกอบกับการพิจารณาแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ เอกสารหลักฐานต่าง ๆ รวมถึงการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ดินดังกล่าว พบว่ามีลักษณะเป็นพื้นที่พรุ ซึ่งเป็นแก้มลิงของบ้านบางรักษ์ อ.เกาะสมุย โดยเป็นพื้นที่รองรับน้ำก่อนระบายลงสู่ทะเล อันเป็นพื้นที่ที่ราษฎรใช้ประโยชน์ร่วมกัน ดังนั้นพื้นที่ดังกล่าวจึงเป็นที่สาธารณประโยชน์สำหรับพลเมืองใช้   หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ของพลเมืองใช้ร่วมกัน จึงไม่สามารถนำมาขึ้นทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุได้

 

นอกจากนี้กรมธนารักษ์ได้นำที่ดินดังกล่าวขึ้นทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุ ตามที่สำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดสุราษฎร์ ธานีแจ้ง โดยไม่ได้ตรวจสอบไปยังโรงเรียนบ้านบางรักษ์ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ที่ถูกกล่าวอ้าง และจากคำชี้แจงของผู้แทนโรงเรียนไม่ปรากฏว่าโรงเรียนได้เข้าครอบครองที่ดินพิพาท และใช้ประโยชน์เป็นแปลงเกษตรแต่อย่างใด ดังนั้นการขึ้นทะเบียนที่ราชพัสดุดังกล่าว จึงเป็นการดำเนินการนำขึ้นทะเบียนที่ดินราชพัสดุโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และการที่กรมธนารักษ์อนุญาตให้บริษัทการบินกรุงเทพจำกัด(มหาชน) เช่าและปรับปรุงที่ดินดังกล่าว จึงอาจถือได้ว่าเป็นการบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน

 

ส่วนการขุดคลองฝั่งทิศตะวันตกขึ้นมาใหม่ ซึ่งส่งผลให้สภาพคลองเส้นเดิมมีขนาดแคบลง และแนวเขตของคลองเปลี่ยนไปจากแนวเดิม อันเป็นการเปลี่ยนแปลงทางน้ำที่ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมต่อชุมชน รวมถึงการก่อสร้างสะพานและถนนนั้น ในเบื้องต้นไม่ปรากฏหลักฐานจากหน่วยงานที่รับผิดชอบว่าดำเนินการเมื่อใด จึงเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวน่าจะไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย

 

ทั้งนี้ จากหลักฐานภาพถ่ายทางอากาศเมื่อปี 2538 ที่ดินพิพาทดังกล่าวเป็นพื้นที่พรุ ประกอบกับประชาชนในพื้นที่ก็ยืนยัน จึงน่าเชื่อว่าเป็นพื้นที่พรุมาก่อน นอกจากนี้พบว่ามีลักษณะการเข้าไปปรับปรุงพื้นที่ ซึ่งเชื่อได้ว่ามีการปรับปรุงถมพื้นที่บริเวณคลองดังกล่าว ก่อนที่กรมธนารักษ์อนุญาตให้บริษัทการบินกรุงเทพ ทำสัญญาเช่าพื้นที่

 

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า มีการสร้างเรื่องขึ้นมาก่อนที่จะอนุญาตให้เช่าดำเนินการ ซึ่งมีเอกสารหลักฐานจากภาพถ่ายทางอากาศเห็นได้ชัดเจนว่าพื้นที่ดังกล่าวประมาณ 20 ไร่ ซึ่งเป็นบริเวณที่เครื่องบินใช้ขึ้นลงก่อนเข้าสนามบิน มีคลองสาธารณะมาก่อน ต่อมาได้ปรับถมพื้นที่ทำให้ร่องน้ำเปลี่ยนแปลง มีการขุดลอกคลองและสร้างถนนใหม่ ดังนั้นเมื่อได้ข้อสรุปก็ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้อง ผู้ที่ร่วมกันกระทำผิดในอดีตที่สร้างเรื่องขึ้นมาจะต้องถูกดำเนินการ ส่วนกรณีที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายโดยเฉพาะผู้เช่าหรือเข้าไปทำสัญญา ซึ่งอาจจะไม่รู้ก็ต้องดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง แต่ก็เชื่อว่าปัญหามีทางออก

 

โดย กมธ.ได้มีข้อเสนอแนะว่า จากข้อเท็จจริงที่ได้รับทราบจากหน่วยงานต่าง ๆ เห็นควรรายงานผลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ คือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รมว.มหาดไทย เพื่อแจ้งไปยังอธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีกรมที่ดิน และอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น รมว.ศึกษาธิการ และคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน อธิบดีกรมธนารักษ์ อธิบดีกรมเจ้าท่า ผอ.สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ผวจ.สุราษฎร์ธานี เพื่อแจ้งไปยังนายอำเภอเกาะสมุย และนายกเทศมนตรีเกาะสมุย

 

นอกจากนี้ข้อร้องเรียนที่ได้รับฟังในพื้นที่พบว่า มีกรณีได้รับความเดือดร้อนจากอัตราค่าโดยสารเครื่องบินที่สูงเกินไปตลอดจนความปลอดภัยในการใช้ทางสัญจรของชาว บ้าน กรณีที่ถนนตัดผ่านสนามบิน ซึ่งกรณีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการคมนาคม สนช. จึงเห็นควรส่งประเด็นดังกล่าวเพื่อให้พิจารณาดำเนินการอย่างเหมาะสมต่อไป.