อภิรดีเซ็นทวงจีทูจีเก๊2หมื่นล. – คม ชัด ลึก ฉบับวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2559

หัวข้ออภิรดีเซ็นทวงจีทูจีเก๊2หมื่นล.

ที่มา; คม ชัด ลึก ฉบับวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2559

 

รมว.พาณิชย์-ปลัด” ลงนามคำสั่งแล้ว เรียกค่าเสียหาย “บุญทรง-พวกรวม 6 คน” คดีจีทูจีเก๊ 2 หมื่นล้าน “บุญทรง”โวยใช้ ม.44 ไม่เป็นธรรม-ขู่ฟ้องกลับ

 

หลังมีความอึมครึมและถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่กล้าลงนามคำสั่งทางปกครอง เพื่อเรียกค่าเสียหายในคดีระบายข้าวจีทูจี เนื่องจากเกรงจะมีปัญหาถูกฟ้องร้องดำเนินคดีในภายหลังได้ จนกระทั่งหัวหน้า คสช.มีคำสั่งมาตรา 44 ให้อำนาจกรมบังคับคดีในการทำหน้าที่ยึดทรัพย์คดีจีทูจี โดยจะกระทำได้เมื่อผลสอบตามคำสั่งทางปกครองมีผลแล้ว รวมถึงให้ความคุ้มครองเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่นั้น ล่าสุด รมว.พาณิชย์และปลัดกระทรวงพาณิชย์สยบกระแสข่าวดังกล่าว โดยลงนามคำสั่งทางปกครองเรียกค่าเสียหายแล้ว

 

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์เปิดเผยว่า ได้ลงนามในหนังสือคำสั่งทางปกครอง เรียกร้องค่าเสียหายมูลค่ารวม 2 หมื่นล้านบาท จากการขายข้าวจีทูจีปลอมกับนักการเมืองและข้าราชการทั้ง 6 รายแล้ว เมื่อช่วงเช้าวันที่ 19 กันยายน 2559 โดยลงนามแทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้มอบอำนาจให้ลงนามแทน ขณะเดียวกัน น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ก็ได้ลงนามแทน รมว. พาณิชย์ ตามที่ตนมอบหมายไปเช่นกัน

 

รมว.พาณิชย์ชี้แจงว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ได้มอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศเป็นผู้ส่งหนังสือดังกล่าวไปยังนักการเมืองและข้าราชการทั้ง 6 ราย ประกอบด้วย นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และนายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ โดยทั้ง 6 คนจะต้องตอบกลับมาหรือยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับหนังสือ และหากยังไม่ตอบกลับมาจะส่งหนังสือแจ้งเตือน และมีเวลาอีก 15 วัน หากยังไม่ตอบกลับอีกกระทรวงพาณิชย์จะส่งหนังสือไปยังกรมบังคับคดีเพื่อดำเนินการต่อไป

 

น.ส.ชุติมาเปิดเผยว่า ได้ลงนามในหนังสือคำสั่งทางปกครองแล้ว ซึ่งการลงนามเป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการทำงานตามข้อกฎหมายราชการแผ่นดิน หากคำสั่งมีออกมาอย่างไรก็ต้องปฏิบัติตามนั้น และในคำสั่งครั้งนี้ กำหนดให้ลงนาม 2 คน คือ นายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ซึ่งการมอบอำนาจของนายกรัฐมนตรีมาให้ รมว.พาณิชย์ลงนามแทน และการที่รมว.พาณิชย์มอบอำนาจให้ตนเซ็นลงนามแทน รมว.พาณิชย์ก็เป็นไปตามระเบียบที่สามารถกระทำได้

 

ก่อนหน้านี้ช่วงเช้า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า ภายในวันนี้ (19 ก.ย.) รมว.พาณิชย์จะลงนามในคำสั่งดังกล่าวแน่นอน ส่วนที่ผ่านมาที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าไม่มีใครกล้าลงนาม เนื่องจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเอกสารยังไม่เสร็จเรียบร้อย จึงยังไม่ได้ลงนาม

 

รมว.คลังปัดตอบเซ็นยึดทรัพย์ปู

 

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในโครงการรับจำนำข้าว ว่า ขณะนี้เรื่องยังไม่ถึงตน ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งอยู่ ทราบว่ายังไม่มีการสรุปตัวเลขขาดทุนที่แน่ชัด เมื่อคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งพิจารณาเสร็จแล้วก็จะส่งให้กรมบังคับคดีเพื่อยึดทรัพย์ต่อไป ตามขั้นตอน เป็นอย่างนั้น

 

เมื่อถามว่า หากเรื่องส่งมาถึง รมว.คลังแล้ว จะลงนามเองเลยหรือจะมอบหมายให้ปลัดกระทรวงการคลังลงนามแทน เหมือนที่กำลังมีปัญหาในกระทรวงพาณิชย์ กรณีจีทูจี นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า ไม่รู้ ต้องดูก่อน เรื่องยังไม่ถึงตน

 

บุญทรง”โวยไม่เป็นธรรม-ขู่ฟ้องทุกคน

 

ขณะเดียวกัน นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ โพสต์เฟซบุ๊ก “Boonsong Teriyapirom” ว่า ตามที่ได้ถูกกล่าวหาเป็นคดีอาญา โดยพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องตนและผู้ที่เกี่ยวข้อง ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขณะนี้คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาล โดยอยู่ในขั้นตอนของการไต่สวนพยานโจทก์ ซึ่งขอยืนยันว่าการดำเนินการระบายข้าวเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบแบบแผน ที่ปฏิบัติโดยถูกต้อง ล่าสุดมีการใช้คำสั่งโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งพิเศษ เพื่อให้ตนชดใช้ค่าเสียหายและตลอดถึงการยึดทรัพย์ ซึ่งทำให้เห็นความผิดปกติและความไม่เป็นธรรมในการออกคำสั่ง เพราะ 1.คดีที่ตนถูกฟ้องร้องอยู่ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล แต่กลับมีความเร่งรีบ รวบรัด ให้มีการเตรียมการยึดทรัพย์ของตนและผู้ที่เกี่ยวข้อง แทนที่จะให้ความเป็นธรรม โดยนำคดีขึ้นสู่ศาลเพื่อให้ได้ต่อสู้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ ดังที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ดำเนินการอยู่ ดีกว่าการใช้อำนาจพิเศษตามที่รัฐบาลซึ่งมาจากการรัฐประหารกำลังใช้อยู่ในขณะนี้ จะสง่างามกว่า ทั้งที่โดยหลักและเจตนารมณ์ของกฎหมายเกี่ยวกับกรณีทางแพ่ง ที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ในการที่จะวินิจฉัยข้อเท็จจริงในทางแพ่ง จะต้องยึดเอาตามข้อเท็จจริงที่ได้จากคดีอาญา ดังนั้น เมื่อยังไม่มีคำพิพากษาของศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงเห็นว่าไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งที่จะใช้อำนาจทางการบริหาร แทนอำนาจของศาลเพื่อยึดทรัพย์

2.ในส่วนเรื่องค่าเสียหายที่จะใช้คำสั่งเพื่อยึดทรัพย์นั้น ในกรณีนี้ตัวเลขความเสียหายดังกล่าวเป็นตัวเลขที่ไม่ชัดเจนว่าได้มีความเสียหายเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เป็นเงินจำนวนเท่าไร เพราะคดีอาญายังไม่เสร็จสิ้น และเป็นการลัดขั้นตอน 3.ผู้ที่จะลงชื่อในคำสั่งบังคับทางปกครองเป็นอำนาจหน้าที่ของใคร ในประเด็นนี้ทราบว่ามีการถกเถียงหารือว่าใครจะเป็นผู้ลงชื่อในเอกสารคำสั่งบังคับทางปกครอง ทั้งนายกรัฐมนตรี รมว.พาณิชย์ และปลัดกระทรวง หรือว่าคำสั่งบังคับทางปกครองนี้มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เป็นเผือกร้อน มีพิรุธ ทุกคนที่มีอำนาจหน้าที่ต่างหลีกเลี่ยง ที่จะลงนาม

 

นายบุญทรงระบุด้วยว่า ขอแจ้งไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลายว่า การนำมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวมาใช้บังคับ เกี่ยวกับกรณีคำสั่งบังคับคดีเพื่อยึดทรัพย์ แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีสามารถที่จะใช้คำสั่งมาตรา 44 สั่งมาให้หน่วยงานต่างๆ ทำการยึดทรัพย์ โดยให้มีผลคุ้มครองเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติให้ไม่มีความผิด แต่ต้องอย่าลืมว่าสิ่งที่ปฏิบัตินั้นต้องเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะโดยความเป็นจริงแล้ว หากดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการ กลั่นแกล้งกัน หรือกระทำในสิ่งที่ไม่มีกฎหมายรองรับ ก็ไม่เห็นจะต้องมีมาตรา 44 มาให้ความคุ้มครองอยู่แล้ว ซึ่งตรงนี้ใช่หรือไม่ที่ทำให้เจ้าหน้าที่ที่เป็นฝ่ายปฏิบัติเกรงกลัว เพราะทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่าไม่สามารถดำเนินการได้ หรือคำสั่งบังคับทางปกครองนี้ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง ไม่อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงและความเป็นจริง และเป็นการบิดเบือนเจตนารมณ์ของกฎหมาย แต่เป็นเรื่องที่จะล้มล้างกันในทางการเมืองให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องดับสูญสิ้นไป ดังคำพูดหลุดจากปากนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ ที่ว่า “พี่ไม่ใช่นักการเมือง”

 

กระผมยืนยันว่า ในกรณีคำสั่งโดยใช้อำนาจตามมาตรา 44 เป็นการดำเนินการไม่ถูกต้องตามกฎหมาย กระผมขอยืนยันว่า กระผมจะดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีกับทุกคนที่เกี่ยวข้องจนกว่าจะถึงที่สุด แม้นว่าจะต้องไปต่อสู้กันในศาลกี่ศาลก็ตาม หากไม่เช่นนั้นก็อย่าไปมีกฎหมายอะไรให้มากเรื่อง ใช้มาตรา 44 บริหารและปกครองบ้านเมืองนี้ไปเสียเลยครับ” นายบุญทรง ระบุ