หัวข้อข่าว: เรียกค่าสินไหมจีทูจี ก๊อกสอง คงอีกไม่นาน
ที่มา: คอลัมน์ กวนน้ำให้ใส, แนวหน้า ฉบับวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2559 โดย
สารส้ม
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 19 ก.ย. 2559 ตนได้เซ็นหนังสือคำสั่งบังคับทางปกครองเพื่อเรียกค่าเสียหายกรณีการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) จากนักการเมืองและข้าราชการ 6 รายแล้ว
“จะส่งหนังสือไปยังนักการเมืองและข้าราชการทั้ง 6 คนทันที โดยจะมีระยะเวลาในการตอบกลับภายใน 30 วัน หากครบ 30 วันแล้ว ยังไม่มีการตอบกลับ จะมีการส่งหนังสือแจ้งเตือนไปอีกรอบใน 15 วัน หลังจากนั้น จะเข้าสู่ขั้นตอนของกรมบังคับคดีต่อไป” นางอภิรดีกล่าว
วันเดียวกัน เฟซบุ๊คของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการพาณิชย์ ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ นำเสนอความเห็นในลักษณะป่าวร้องจะดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทุกคน แต่มีความจริงที่ไม่ได้พูด เช่น
- นายบุญทรง อ้างว่า “…คดีที่กระผมถูกฟ้องร้องอยู่ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้นยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล แต่กลับมีความเร่งรีบ รวบรัด ให้มีการเตรียมการยึดทรัพย์ของกระผมและผู้ที่เกี่ยวข้อง แทนที่จะให้ความเป็นธรรมกับกระผม โดยนำคดีขึ้นสู่ศาลเพื่อให้กระผมต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ดังที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ดำเนินการอยู่… เมื่อยังไม่มีคำพิพากษาของศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กระผมจึงเห็นว่าไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งที่จะใช้อำนาจทางการบริหารแทนอำนาจของศาลเพื่อยึดทรัพย์ของกระผม”
นายบุญทรงไม่รู้ หรือแกล้งโง่ ว่าการออกคำสั่งเรียกค่าสินไหมทดแทนจากเจ้าหน้าที่รัฐนั้น มีการดำเนินการเป็นปกติ ทำกันทุกปี ปีละหลายสิบคำสั่ง โดยที่ไม่ต้องรอให้ศาลอาญามีคำพิพากษาถึงที่สุดเสียก่อน
ยกตัวอย่าง กรณีทุจริตรถและเรือดับเพลิง กรุงเทพมหานครออกคำสั่งเรียกค่าสินไหมทดแทนจากนักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐ รวมกว่า 8,000 ล้านบาท ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2553 ขณะนั้น ศาลฎีกายังไม่ได้พิพากษาชี้ขาดว่าฝ่ายจำเลยมีความผิด
กรณีโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ออกคำสั่งเรียกค่าสินไหมทดแทนจากนักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐ รวมกว่า 20,000 ล้านบาท ตั้งแต่เดือนเมษายน 2557 ขณะนั้น ศาลอาญายังไม่ได้พิพากษาชี้ขาดว่าฝ่ายจำเลยทุกรายมีความผิดเช่นกันและถึงออกคำสั่งทางปกครองแล้ว ผู้ถูกเรียกค่าเสียหายยังมีสิทธิต่อสู้ในชั้นศาลปกครองต่อไป
- นายบุญทรง อ้างว่า “ตัวเลขความเสียหายดังกล่าว เป็นตัวเลขที่ไม่ชัดเจนว่าได้มีความเสียหายเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เป็นเงินจำนวนเท่าไร เพราะคดีอาญายังไม่เสร็จสิ้น และเป็นการลัดขั้นตอน”และ “ผู้ที่จะลงชื่อในคำสั่งบังคับทางปกครองเป็นอำนาจหน้าที่ของใคร ในประเด็นนี้กระผมทราบว่า มีการถกเถียงหารือว่าใครจะเป็นผู้ลงชื่อในเอกสารคำสั่งบังคับทางปกครอง ทั้งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และปลัดกระทรวง หรือว่าคำสั่งบังคับทางปกครองนี้มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เป็นเผือกร้อน มีพิรุธ ทุกคนที่มีอำนาจหน้าที่ต่างหลีกเลี่ยงที่จะลงนาม..”
ความจริงประเด็นเหล่านี้ นายบุญทรงมีสิทธิยกขึ้นมาต่อสู้ในชั้นศาลปกครองต่อไป ว่าคำสั่งเรียกค่าเสียหายดังกล่าวเป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร
ประเด็นเผือกร้อน พิรุธหรือไม่ จริงๆ แล้ว ถ้ากลับไปดูข่าวเก่า จะเห็นว่า ทางฝ่ายรัฐบาลประกาศไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่า การออกคำสั่งเรียกค่าสินไหมทดแทนในชั้นคณะกรรมการจะสรุปภายในเดือนกันยายน ซึ่งปัจจุบัน ก็อยู่ในช่วงระยะเวลาตามที่เคยประกาศไว้ทุกประการ
ตัวคนลงนามก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ทุกอย่างกำหนดชัดเจนใน พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 หากเพียงอ่านหนังสือภาษาไทยออก ไม่ขี้เกียจ ยอมอ่านเกิน 3 บรรทัด ก็น่าจะเข้าใจเรื่องนี้ได้ง่ายดาย
ส่วนประเด็นมูลค่าความเสียหาย กรณีเป็นการขายข้าวตามสัญญาซื้อขายข้าวที่อ้างว่าเป็นจีทูจี 4 สัญญา ปริมาณ 6.2 ล้านตัน ถ้าคิดมูลค่าข้าวสารในบัญชีจะมีมูลค่าสูงกว่า 100,000 ล้านบาท แต่ถูกขายไปโดยไม่ต้องประมูล ราคาต่ำกว่าตลาด
การไต่สวนของ ป.ป.ช. พบว่า มีการแบ่งหน้าที่กันทำงาน ทุจริตการทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ กับบริษัทไห่หนานและบริษัทกวางตุ้ง ขายข้าวในราคาถูกกว่าท้องตลาด โดยไม่เปิดโอกาสให้บริษัทอื่นเข้าร่วมประมูล และบริษัทดังกล่าวกลับไม่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลจีนให้มาทำสัญญาซื้อขายข้าวจีทูจี ผลสุดท้าย ก็ไม่มีการส่งออกข้าวไปยังต่างประเทศจริงๆ แต่เอกชนพวกพ้องรัฐบาลได้ข้าวสารมาเวียนขายภายในประเทศ ฟันกำไรส่วนต่างมโหฬาร เกิดความเสียหาย โครงการขาดทุนมหาศาลกว่าที่ควรจะเป็น
ป.ป.ช.ชี้มูลคดีนี้แล้ว ส่งเรื่องให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการ เรียกค่าเสียหายจากผู้เกี่ยวข้องรายงานข่าวระบุว่า ยอดค่าสินไหมทดแทน 2 หมื่นล้านบาท จะเรียกจากเจ้าหน้าที่รัฐผู้เกี่ยวข้อง 6 ราย
นักการเมือง ได้แก่ อดีตรัฐมนตรี 1.7 พันล้านบาท
อดีตรัฐมนตรีช่วย 2.2 พันล้านบาท
อดีตเลขฯ รมว. 4 พันล้านบาท
ข้าราชการ ได้แก่ อดีตอธิบดี อดีตรองอธิบดี และอดีตผู้อำนวยการฯ คนละ 4 พันล้านบาท
จะเห็นว่า เลขาฯรัฐมนตรี ถูกเรียกค่าเสียหายสูงกว่าตัวรัฐมนตรี นั่นก็เพราะพฤติการณ์ของเลขาฯ รายนี้ มีบทบาทสำคัญในกระบวนการขายข้าวที่ก่อให้เกิดความเสียหายดังกล่าว และยังเป็นกรรมการสำคัญที่เกี่ยวกับการระบายข้าวอีกแทบทุกชุดหากนายบุญทรงเห็นว่า ค่าเสียหายไม่ชัดเจนอย่างไร ประเด็นไหน ก็สามารถหยิบขึ้นมาต่อสู้ในชั้นศาลปกครองได้อีก
- นายบุญทรง อ้างว่า “กระผมยืนยันว่า ในกรณีคำสั่งโดยใช้อำนาจตามมาตรา 44 เป็นการดำเนินการไม่ถูกต้องตามกฎหมาย กระผมขอยืนยันว่ากระผมจะดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง จนกว่าจะถึงที่สุด แม้นว่าจะต้องไปต่อสู้กันในศาลกี่ศาลก็ตาม หากไม่เช่นนั้นก็อย่าไปมีกฎหมายอะไรให้มากเรื่อง ใช้ ม.44 บริหารและปกครองบ้านเมืองนี้ไปเสียเลยครับ”
จริงๆ แล้ว ที่ผ่านมา คณะรัฐประหารเขาก็ใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์ประกาศให้กฎหมายและการดำเนินคดีความต่างๆ มีสภาพบังคับใช้ต่อไปแล้วนั่นเอง กฎหมายต่างๆ จึงยังคงใช้บังคับอยู่คำสั่งคณะรัฐประหาร ก็มีสถานะเป็นกฎหมายและรัฐธรรมนูญชั่วคราว ก็มีอำนาจตามมาตรา 44 อยู่ต่อไปด้วยส่วนที่จะไปฟ้องร้องดำเนินคดีใครต่อใคร นายบุญทรงก็จึงมีสิทธิทั้งสิ้น ตามกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญแต่จะเอาผิดใครได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานข้อเท็จจริง และตัวบทกฎหมาย
- อันที่จริง นายบุญทรงคงฉลาดพอที่จะรู้ว่า ยังมีกรณีไต่สวนการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) อีกลอตใหญ่ กับบริษัทจีน 4 แห่ง ซึ่งอยู่ในชั้นไต่สวนของ ป.ป.ช. มีชื่อนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และนางปราณี ศิริพันธ์ อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้ถูกกล่าวหา และพวก
ก่อนนี้ คณะอนุกรรมการไต่สวนตรวจสอบแคชเชียร์เช็ค 1,822 ใบรวมมูลค่ากว่า 96,390 ล้านบาท และมีการให้อายัดเช็คไว้ส่วนหนึ่งด้วย เพื่อดำเนินการตรวจสอบว่าเป็นแคชเชียร์เช็คจากใคร มาจากธนาคารไหน มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทจีน 4 แห่งอย่างไร ลอตนี้ เป็นการขายข้าวที่อ้างจีทูจี กับ 1.บริษัท Haikou Liangmao Cereals and Oils Trading Co.,Ltd. ปริมาณ 3 ล้านตัน 2.บริษัท Haikou Liangyunlai Cereals and Oils Trading Co.,Ltd. ปริมาณ 2 ล้านตัน 3.บริษัท Hainan Province Land Reclamation Industrial Development ปริมาณ 4 ล้านตัน และ 4.บริษัท Hainan Land Reclamation Commerce and Trade Group Co.,Ltd. ปริมาณ 5 ล้านตัน
เบื้องต้น ในทางไต่สวนพบว่า บริษัทดังกล่าว มิได้เป็นหน่วยงานของรัฐที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจีนให้เข้ามาทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบจีทูจี แต่กระทำไปโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม ข้าวอ้างจีทูจี 6 ล้านตันแรกนั้น จะกลายเป็นงานอนุบาลไปเลยมั้ยล่ะ