หัวข้อข่าว: ถึงกับต้องต่อสายตรง
ที่มา: ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2559
เหตุเกิดช่วงกัปตันทีมไม่ได้อยู่คุมเกมในประเทศพอดี ประเมินจากข่าวที่ระบุว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.ต้องต่อสายตรงข้ามทวีปจากสหรัฐอเมริกามาสั่งการใน 2 จุดใหญ่ๆ ในอารมณ์พะว้าพะวงเป็นห่วงสถานการณ์ร้อนแรง
จุดแรกเลยคือการโทรศัพท์สายตรงสั่ง “บิ๊กติ๊ก” พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกลาโหม ให้เงียบๆ ระวังตัวในการชี้แจงเรื่องร้อนๆเกี่ยวกับลูกเมียที่กำลังตกอยู่ในวงล้อมตำบลกระสุนตกโดนแฉหนักปมผลประโยชน์ทับซ้อน
สถานการณ์ร้อนๆ กระแสลามเร็ว จากจุดเริ่มในโลกโซเชียลฯที่ “เจ๊ผ่อง” นางผ่องพรรณ จันทร์โอชา ถูกขุดคุ้ยปมใช้งบหลวงทำฝายตั้งชื่อตัวเอง ใช้สิทธินั่งเครื่องบินทหารไปต่างจังหวัด พฤติกรรมหมิ่นเหม่ไม่เหมาะสม มาถึงลูกชายเอาบริษัทเข้าประมูลงานกับกองทัพภาคที่ 3 ตามจังหวะลูกไหลเข้าทางฝ่ายต้าน “นายกฯลุงตู่” ตีปี๊บประจานธรรมาภิบาล
ย้อนศร เทียบมาตรฐานกับ “ตระกูลชินฯ” ที่โดนด่าโกงทั้งโคตร โดยมีคนที่รับอาสาเป็น “โจทก์” ตามไล่ฟ้องดะ ก็คือนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ที่ล่าสุดได้เข้ายื่นร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบกรณีลูกชาย พล.อ.ปรีชาประมูลงานกองทัพภาคที่ 3
ตามเหตุเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยของสาธารณชนเป็นการทั่วไปว่า หากไม่มีการใช้อำนาจ พิเศษเพื่อประโยชน์ในการเสนอราคาประมูลงานต่างๆดังกล่าวแล้ว บริษัทหน้าใหม่ที่มีทุนจดทะเบียนเล็กน้อย จะสามารถชนะการประมูลงานของรัฐที่มีมูลค่านับสิบนับร้อยล้านได้อย่างไร
กรณีดังกล่าวเชื่อว่าน่าจะมีการกระทำอันเข้าข่ายพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 ประกอบมาตรา 100 แห่ง พ.ร.บ.ป.ป.ช.2542 แก้ไขเพิ่มเติม และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 152
โดนร้อง ป.ป.ช.ตามเช็กบิลทั้งเมียทั้งลูก ตามสถานะคนถูกล็อกเป้า อยู่ท่ามกลางสายตาสังคมจับจ้อง ในอาการแบบที่ พล.อ.ปรีชา เป็นประธานในพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์หน้าศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม
โดยมีการผูกผ้าสามสีและคล้องพวงมาลัยปืนใหญ่โบราณ 40 กระบอก เจ้าตัวก็ยังไม่วายต้องบอกปัดคำถามนักข่าว การทำพิธีครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ เพราะพิธีครั้งนี้มีแผนการดำเนินงานมานานแล้ว ส่อแววหนีสถานะ “บ่อน้ำมัน” ไม่ออก “บิ๊กติ๊ก” คือจุดอ่อนไหวที่ฝ่ายตรงข้ามจ้องกระแทกชิ่งไปถึงพี่ชายอย่าง “บิ๊กตู่”
เรื่องของเรื่อง ในมุมของฝ่ายต่อต้านก็ไม่น่าแปลกอะไร แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า โดยปรากฏการณ์ลักษณะที่เป็นข้อมูลวงในหลุดออกมาประจาน มันต้องเป็นคนกันเองปล่อยเตะตัดขา ปรากฏการณ์ถล่ม พล.อ.ปรีชา สะท้อนเลยว่า อาการหมั่นไส้คนนามสกุล “จันทร์โอชา” ไม่ได้จำกัดวงอยู่เฉพาะฝ่ายต่อต้านด้านนอก “บิ๊กตู่” ถึงต้องรีบต่อสายข้ามทวีปบอกน้องชายให้ระวังตัวดีๆ
ขณะที่อีกช็อตหนึ่ง “บิ๊กตู่” ได้ต่อสายตรงถึง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ว่าด้วยปมของการลุยปราบ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” นายกฯแสดงความเป็นห่วงจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในวงกว้าง
โดยสั่งการให้ พล.อ.ประวิตร รีบเคลียร์ให้จบภายใน 1 เดือน ไม่ให้กระเทือนภาพพจน์การท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยเฉพาะในส่วนของนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่มันก็เป็นอะไรที่ชัดเจนว่า คิวของทัวร์ศูนย์เหรียญส่งผลสะเทือนรุนแรง เบื้องหน้าเบื้องหลังรายการนี้จะมีอะไรซับซ้อนซ่อนเงื่อน นอกเหนือไปจากยุทธศาสตร์ คสช.ที่ต้องการจัดระเบียบสังคมและเศรษฐกิจหรือไม่ หรือจะโยงไปถึงกลุ่มทุนสปอนเซอร์ใคร เพราะจากท่าทีผู้นำที่ต้องต่อสายตรงมาสั่งการ แสดงว่าเดิมพันต้องสูงที่แน่ๆเลยการท่องเที่ยวคือช่องทางหารายได้หลักที่เหลืออยู่ในยามเศรษฐกิจฝืดเคืองเต็มที “บิ๊กตู่” ถึงต้องจี้ให้รีบเคลียร์จบเกมเร็ว.