หัวข้อข่าว: น้องธวัชชัยจ่อฟ้อง’โม่ง’ทำพี่ตายจี้ตำรวจเปิดชื่อ ผอ.รพ.พ้อตกเป็นผู้ต้องสงสัย
ที่มา: คม ชัด ลึก ฉบับวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559
เมื่อวันที่ 22 กันยายน นายชัยณรงค์ อนุกูล น้องชายนายธวัชชัย อนุกูล อดีตเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดพังงา ที่เสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัวในห้องขังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในข้อหาทุจริตออกเอกสารสิทธิที่ดินโดยมิชอบ เตรียมจะเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่ทำให้พี่ชายเสียชีวิต หากผลการชันสูตรศพยืนยันอย่างเป็นทางการว่า นายธวัชชัยเสียชีวิตจากการกระทำของบุคคลอื่น ไม่ใช่การ ฆ่าตัวตาย
นายชัยณรงค์ กล่าวว่า ทราบข่าวการเสียชีวิตของพี่ชายจากสื่อมวลชนว่า นายธวัชชัยอาจถูกผู้อื่นทำให้เสียชีวิต หลังจากนี้ต้องรอเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องออกมาแถลงข้อเท็จจริงอย่างเป็นทางการอีกครั้ง หากพี่ชายถูกทำให้เสียชีวิต ก็เตรียมแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อนำตัวคนผิดมาลงโทษตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้นัดให้ตนไปเซ็นรับทราบผลการทำซีทีสแกนศพของนาย ธวัชชัย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
วันเดียวกัน นพ.สมโภชน์ จิตรเกษมสุข รังสีแพทย์ และนายศุภชัย โรจน์ขจรนภาลัย แพทย์อายุรกรรมหัวใจ ที่ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยขณะอยู่ห้องซีซียูโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ เข้าให้ปากคำต่อ พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผบก.น.2 พร้อมด้วย พ.ต.อ.มานะ เผาะช่วย ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง โดยมีอัยการร่วมสอบปากคำด้วย
พล.ต.ต.เจริญ กล่าวว่า อย่าเพิ่งตีความ คำว่า นายธวัชชัย “ถูกทำให้เสียชีวิต” ว่าเป็นการ “ฆาตกรรม” ขอเวลาพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และสรุปสำนวนคดีให้ชัดเจนก่อน ส่วนประเด็นผลการชันสูตรศพสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ พบซี่โครงหัก ซึ่งขัดแย้งข้อมูลของ พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ที่ยืนยันว่าระหว่างช่วยชีวิตนายธวัชชัยมีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดว่าไม่ได้ทำให้ซี่โครงหักนั้น อย่าเพิ่งนำมาเชื่อมโยงกัน พนักงานสอบสวนจะมีหน้าที่เพียงสอบสวนเท่านั้น ส่วนผลจะเป็นอย่างไร ขอให้อยู่ในสำนวนคดี
“การทำให้เสียชีวิต หรือฆาตกรรมนั้น พนักงานสอบสวนไม่สามารถลงลึกถึงรายละเอียดในชั้นนี้ได้ มีหน้าที่เพียงเป็นพนักงานสอบสวน ที่จะสอบสวนชุดชันสูตรพลิกศพเท่านั้น ซึ่งจะต้องระบุให้ชัดเจนว่า ผู้ตายเสียชีวิตอย่างไรและตายเพราะเหตุใด ข้อมูลทั้งหมดที่ได้สอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนนั้น ไม่ถือว่าขัดแย้งกัน เพราะเป็นการบอกเล่าจากตัวบุคคลอาจมีความแตกต่างกันบ้าง แต่ก็เป็นไปทางทิศทางเดียวกัน” ผบก.น.2 ระบุ
ขณะที่ พ.ต.อ.มานะ กล่าวว่า คณะกรรมการสอบสวนชุดนี้มีพนักงานอัยการร่วมสอบสวนเพื่อประกอบสำนวนคดีชันสูตรพลิกศพเท่านั้น โดยเป็นการสอบแพทย์ผู้เกี่ยวข้อง และที่สอบสวนแพทย์ 2 คน มี 1 คนสอบสวนใหม่ คนที่ 2 สอบสวนเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุการตายตาม ป.วิอาญา การชันสูตรพลิกศพ มาตรา 148 (2) ซึ่งหลักฐานตามนิติวิทยาศาสตร์แน่นหนักว่ามีร่องรอย 3-4 จุดที่ไม่ได้กระทำด้วยตนเอง จากหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์นี้ เพียงพอว่าผู้ตายถูกผู้อื่นทำให้ตาย ซึ่งอาจจะเกิดจากความประมาท หรือฆาตกรรม แต่ยังไม่ได้สรุปสำนวนการชันสูตรพลิกศพ เพราะต้องรอหลักฐานอื่นๆ เช่น กล้องวงจรปิดด้วย เมื่อสรุปสำนวนคดีการชันสูตรพลิกศพแล้ว สน.ทุ่งสองห้อง จะเสนอพนักงานอัยการส่งศาลต่อไป แต่คดีนี้ไม่ใช่สำนวนคดีอาญา ที่ต้องแจ้งข้อหา กับใคร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผลจากการชันสูตรศพครั้งนี้ จะสามารถมีวิวัฒนาการใช้เป็นหลักฐานให้ทางญาตินำไปแจ้งความดำเนินคดีอาญาอื่นๆ ได้หรือไม่ พ.ต.อ.มานะ กล่าวว่า คดีการชันสูตรพลิกศพ ยังไม่ได้สรุปสำนวน อาจจะเกิดจากความประมาท หรือฆาตกรรม ต้องรอผลจากหลักฐานอื่นก่อน
ด้านพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวว่า สถาบันนิติเวช และพ.ต.อ.มานะ ดำเนินการทุกอย่างตรงไปตรงมาอยู่แล้ว การที่ระบุว่า การตายของนายธวัชชัยมีบุคคลทำให้ตาย ก็ต้องสืบสวนสอบสวนทุกมิติ ซึ่งจะต้องไปตามหาคนที่ทำให้ตาย หากหมายถึงเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ หรือทีมกู้ชีพของโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ก็ต้อง สอบสวนกันไป
ขณะที่ พล.ต.นพ.เหรียญทอง โพสต์ผ่าน เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า การเสียชีวิตของนายธวัชชัย ยังมีความคลุมเครือ และทำให้บุคลากรทางการแพทย์ของ รพ.มงกุฎวัฒนะ ถูกตั้งข้อสงสัย และหากจะต้องกลายเป็นผู้ถูกกล่าวหาในที่สุดก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ และไม่ใช่เรื่องที่ต้องเสียความรู้สึกอะไร แม้จะยุ่งยากวุ่นวายต่อบุคลากรทางการแพทย์หลายๆ คน อย่างไม่สมควรก็ตาม
พล.ต.นพ.เหรียญทอง ย้ำว่ารพ.มงกุฎวัฒนะ จะยังคงเป็นโรงพยาบาลที่พร้อมรับการส่งต่อนักโทษ หรือผู้ต้องหาที่เจ็บป่วยฉุกเฉินดังที่เคยปฏิบัติ โดยไม่ต้องสนใจว่าจะมีอะไรปกปิดซ่อนเร้น และห้ามท้อแท้