โพลล์หนุนล้างบางทุจริตติดดาบกกต. ตรวจค้น-จับกุมพวกโกงคุมการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์

หัวข้อข่าว: โพลล์หนุนล้างบางทุจริตติดดาบกกต. ตรวจค้น-จับกุมพวกโกงคุมการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์

ที่มา: แนวหน้า ฉบับวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2559

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมเสนอร่างกฎหมายต่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ขอเพิ่มอำนาจในการจัดการเลือกตั้งและอำนาจในการออกหมายเรียก ตรวจค้น ยึด อายัด จับกุมซึ่งหน้าได้ เพื่อแก้ปัญหาการทุจริตการเลือกตั้ง และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของ กกต. ให้ดีขึ้น เพื่อเป็นการสะท้อนความคิดเห็นของประชาชน “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,315 คน ระหว่างวันที่ 20-23 กันยายน 2559 สรุปผลได้ ดังนี้

 

1.ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่? กรณี กกต.จะขอเพิ่มอำนาจให้ กกต. เลขาธิการกกต. ผอ.กกต.จังหวัด พนักงาน สืบสวนหรือกรรมการไต่สวนของกกต. สามารถออกหมายเรียก ตรวจค้น ยึด อายัด จับกุมซึ่งหน้าได้

 

อันดับ 1 เห็นด้วย 42.06% เพราะ เป็นการเพิ่มอำนาจให้ กกต. มีความ เด็ดขาด ทำงานได้รวดเร็วมากขึ้น เมื่อพบ การกระทำผิดสามารถจัดการได้ทันที ช่วยป้องกันการทุจริตการเลือกตั้ง ผู้สมัครเกรงกลัวไม่กล้ากระทำผิด ฯลฯ

 

อันดับ 2 ไม่เห็นด้วย 38.55% เพราะ ทำให้ กกต. มีอำนาจมากเกินไป อาจใช้อำนาจ ในทางที่ผิด ควรให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ไม่มั่นใจในกระบวนการ อาจเกิดการทุจริต ไม่โปร่งใส ฯลฯ

 

อันดับ 3 ไม่แน่ใจ 19.39% เพราะ ยังไม่ทราบรายละเอียด ควรศึกษาผลดี ผลเสียให้ชัดเจน ที่ผ่านมาประชาชนไม่มั่นใจในการทำงานของ กกต. มากนัก อาจมีช่องโหว่ให้เกิดการทุจริตได้ ฯลฯ

 

2.ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่? กรณี หากพบว่ามีการกระทำผิดในการเลือกตั้ง สส. สว. หรือเลือกตั้งท้องถิ่น ให้ กกต. มีอำนาจฟ้องคดีต่อศาลแพ่ง อาญา และว่าความในศาลได้

 

อันดับ 1 เห็นด้วย 39.37% เพราะ ทำให้การพิจารณาคดีการทุจริตต่างๆ ดำเนินการได้รวดเร็วและคล่องตัวมากขึ้น หากมีหลักฐานชัดเจน ก็จะช่วยป้องกันการทุจริตได้ดีขึ้น ทำให้ผู้ที่คิดจะกระทำผิดเกิดความเกรงกลัว ฯลฯ

 

อันดับ 2 ไม่แน่ใจ 35.79% เพราะ อาจมีทั้งผลดีและผลเสีย ไม่ทราบข้อมูลที่ ชัดเจนว่ามีอำนาจในการดำเนินการเพียงใด เป็นเพียงข้อเสนอของ กกต. ยังไม่ได้อนุมัติ ควรหาแนวทางป้องกันการทุจริตมากกว่า ฯลฯ

 

อันดับ 3 ไม่เห็นด้วย 24.84% เพราะ หากมีการกระทำผิดควรให้เป็นอำนาจของ ศาลในการตัดสิน กกต. อาจมีคุณสมบัติไม่เหมาะสมที่จะดำเนินการ กกต.ควรทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งให้มีความโปร่งใส เป็นที่ยอมรับ ฯลฯ

 

3.ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่? กรณี กกต.ขอให้ผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ของพรรคการเมืองต้องออกมาดีเบต หรือ ร่วมเวทีอภิปรายเพื่อแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับนโยบายของพรรคต่อสาธารณะ

 

อันดับ 1 เห็นด้วย 45.18% เพราะ เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีได้แสดงวิสัยทัศน์ แนวทางการทำงานตามนโยบายที่กำหนดไว้ ทำให้ ประชาชนได้ทราบถึงเหตุผล มุมมองและ ความคิดเห็นต่างๆ ได้ชัดเจนมากขึ้น อยาก เห็นบุคลิก ท่าทางลีลาการพูดของแต่ละคน ฯลฯ

 

อันดับ 2 ไม่แน่ใจ 31.52% เพราะ การดีเบตขึ้นอยู่กับความสมัครใจของแต่ละคน เป็นเพียงข้อเสนอของ กกต. ฝ่ายเดียว ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ฯลฯ

 

อันดับ 3 ไม่เห็นด้วย 23.30% เพราะ อาจมีแต่การโต้เถียงกันไปมา ขุดคุ้ยเรื่องเก่า พูดพาดพิงผู้อื่นให้เสียหาย หวังแต่ประโยชน์ ของตนเองและพวกพ้อง อาจเป็นประเด็นทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาได้ ฯลฯ

 

4.ประชาชนคิดว่าการที่จะติดดาบ หรือเพิ่มอำนาจให้ กกต.จะช่วยให้การเลือกตั้งโปร่งใสมากขึ้นหรือไม่?

 

อันดับ 1 ไม่แน่ใจ 47.15% เพราะ ยังไม่เคยมีการดำเนินการเช่นนี้มาก่อน ยังไม่ทราบผลที่จะตามมา ไม่รู้รายละเอียดที่ชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไร ปัญหาการทุจริตแก้ไขได้ยาก ฯลฯ

 

อันดับ 2 ช่วยได้ 30.27% เพราะ การเพิ่มอำนาจให้ กกต. ช่วยให้การทำงาน สะดวกรวดเร็วมากขึ้น สามารถดำเนินการ ได้ทันที ผู้ที่คิดจะกระทำผิดจะได้เกรงกลัว ทำให้การเลือกตั้งมีความโปร่งใสมากขึ้น ฯลฯ

 

อันดับ 3 ช่วยไม่ได้ 22.58% เพราะ การทุจริตเลือกตั้งมีทุกยุคทุกสมัย เป็น ปัญหาที่สะสมมานาน อาจมีช่องโหว่ให้เกิด การทุจริต เจ้าหน้าที่ของรัฐอาจรู้เห็นเป็นใจ ไม่มั่นใจในมาตรฐานการทำงานของ กกต. ฯลฯ

 

ด้านนายวันชัย สอนศิริ โฆษกคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวว่า ขณะนี้ภายในองค์กรของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีความขัดแย้งกันมาก มีกกต.อย่างน้อย 2-3 คน แย่งกันจะเป็น ประธาน ทั้งๆ ที่ไม่ดูตัวเองมีคุณสมบัติครบหรือไม่ เมื่อระดับหัวหน้าของกกต.แบ่งฝัก แบ่งฝ่าย ระดับเจ้าหน้าที่จะยิ่งแตกแยก เล่นพรรคเล่นพวก ขัดแย้งแตกแยก รุนแรงมากกว่ากกต.ชุดอื่นๆ ที่ผ่านมา

 

นอกจากนี้ยังมีเรื่องขัดแย้งเรื่อง แย่งตำแหน่งแทนที่จะเถียงกันเรื่องการงาน ถือว่าน่าละอายที่สุด ไม่รักศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิขององค์กร แค่ในองค์กรยังจัดการกันเองไม่ได้ จะไปจัดเลือกตั้งระดับประเทศให้สงบเรียบร้อยได้อย่างไร ถ้าขืนให้ดำรงคงอยู่อย่างนี้ รังแต่จะบานปลาย จนการเลือกตั้งล้มเหลว

 

“กกต.ที่แตกแยกจะจัดเลือกตั้งครั้งต่อไป ให้สงบคงไม่ได้ ซึ่งการเซตซีโร่ แก้ปัญหา หรืออาจจะมีผู้ปฏิบัติงานชั่วคราว หรือตั้ง กกต.ชั่วคราวชุดใหม่แทนชุดปัจจุบัน โดยหลังจากประกาศใช้รัฐธรรมนูญแล้ว ให้รีบเร่งสรรหา กกต.ตามรัฐธรรมนูญใหม่เป็นการเร่งด่วน ถือว่าเป็นภารกิจเฉพาะหน้าที่ต้องรีบทำ ถ้า กกต.ชุดนี้ คนไหนคิดว่าตัวเองดีเด่แน่ มีคุณสมบัติครบตาม รัฐธรรมนูญใหม่ ลงมาสมัครใหม่ได้ เพราะ ผมทราบว่าหลายคนมีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญใหม่ และถ้าองค์กรอิสระไหนมีปัญหาแตกแยกแตกสามัคคีแบบ กกต.ก็ควรเซตซีโร่เหมือนกัน แต่ถ้าดีอยู่แล้วก็ควรปล่อยให้เป็นต่อ” นายวันชัย กล่าวในตอนท้าย