หัวข้อข่าว จี้ปปช.ชี้มูลความผิด‘ปรีชา‘เทียบคดีคุก5ปีใช้รถหลวง
ที่มา; กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2559
“ไพบูลย์”เผย ป.ป.ช.เดินหน้าสอบปมบริษัท รับเหมาลูกชาย”พล.อ.ปรีชา”รับงานกองทัพภาค3 ยัน”ศอตช.”ไม่เข้าไปก้าวก่าย ขณะที่”วิษณุ” ชี้บ้านพักราชการ ตั้งบริษัทได้ เทียบเหมือนบ้านเช่า แต่ปัดตอบความเหมาะสม ด้าน”วีระ”จี้เร่งชี้มูลความผิด ยกเทียบกรณี”อดีตคณบดี”ติดคุก 5 ปีเหตุนำรถหลวงไปใช้ส่วนตัว ดักคอเจ้าหน้าที่รัฐอย่าคิดช่วยเหลือ
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบบริษัทของลูกชายพล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ชนะการประมูลได้รับงานก่อสร้างของกองทัพภาคที่ 3 หลายงานมูลค่ารวมกว่า 90 ล้านบาท รวมถึงการใช้บ้านพักในค่ายทหาร จดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัด ว่า ศอตช. ยังไม่ได้รับเรื่องให้ตรวจสอบ โดยขณะนี้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทางขณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ดำเนินการอยู่ ศอตช.เป็นแค่หน่วยบูรณาการ ดังนั้นหากหน่วยงานที่รับผิดชอบทำหน้าที่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องใช้ระบบบูรณาการ
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า การที่ศอตช.จะเข้าไปดูหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการเสนอของหน่วยงานตรวจสอบ ไม่ใช่ทุกเรื่องต้องให้ศอตช.เป็นคนทำ หน่วยงานตรวจสอบแต่ละหน่วยเป็นองค์กรอิสระ ตนไม่สามารถเข้าไปสั่งการหรือก้าวก่ายได้ และไม่อยากให้ศอตช.กลายเป็นศูนย์ก้าวก่ายงาน “ถ้าหากศอตช.ได้รับการประสานให้ตรวจสอบก็จะเปิดเผยให้รับทราบ แต่ศอตช.เป็นหน่วยบูรณาการไม่มีเจ้าหน้าที่ ดังนั้นหากมีการร้องเข้ามาก็ต้องให้หน่วยตรวจสอบเป็นผู้ดำเนินการ”
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการใช้บ้านพักในค่ายทหารจดทะเบียนตั้งบริษัทรับเหมาก่อสร้างว่า ตนไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่ที่คิดคือหากเขามีบ้านอยู่ที่นั่น ทะเบียนบ้านเขาอยู่ที่นั่น เวลามีเลือกตั้งเขาก็ไปเลือกตั้งตามทะเบียนบ้าน ซึ่งหากเป็นอย่างนั้น เวลาจดทะเบียนบริษัทก็ต้องใช้ตามนี้ แต่ปัจจุบันเราเอาตรงนี้มาตีความว่า จดทะเบียนในค่ายทหาร ซึ่งเป็นคำพูดที่เอาไว้เหน็บแนมกันมากกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า บ้านพักข้าราชการสามารถนำมาเป็นที่ตั้งบริษัทได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า “ได้ พูดกันตรงๆ ไม่มีอะไรห้ามเลย ลองคิดว่าเป็นบ้านเช่าก็ได้ คุณไปอาศัยเขาอยู่ และขอบ้านนั้นเป็นที่ตั้งบริษัท มันก็สามารถทำได้ และถามกลับว่าถ้ามันเป็นของข้าราชการ มันก็ไม่มีปัญหา”
เมื่อถามว่า โดยหลักการหรือความเหมาะสมแล้วก็ไม่ควรทำหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า “ไม่รู้ ประเทศไทยมีอะไรที่โดยหลักการไม่น่าทำอีกเยอะ แต่ก็ทำ”
ขณะที่นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน กล่าวว่าเรื่องนี้หาก ป.ป.ช.ไม่ชี้มูลความผิดพล.อ.ปรีชาฯ ป.ป.ช.ก็อาจต้องตกเป็นจำเลย เสียเอง โดยขอให้ย้อนไปดูคดีเมื่อวันที่ 10 ก.ย.2556 ที่ ป.ป.ช.เคยชี้มูลความผิดอดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช นำรถยนต์และทรัพย์สินของคณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล ไปใช้ในงานแต่งงานของบุตรสาว โดย ป.ป.ช.ชี้มูลว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการใช้อำนาจโดยทุจริต เพื่อประโยชน์ส่วนตัว สร้างความเสียหายแก่รัฐและคณะแพทยศาสตร์
ต่อมาเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2559 ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาในคดีนี้ว่า จำเลยทุจริตต่อหน้าที่จริง พิพากษาจำคุก 5 ปี ปรับ 20,000 บาท และขอเตือนหากเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดเข้าไปมีส่วนช่วยเหลือ ผู้กระทำความผิด เพื่อไม่ให้ได้รับโทษ เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นจะถูกดำเนินคดีทันที