เปิดไฟให้สว่างปิดทางคนโกง

หัวข้อข่าว: เปิดไฟให้สว่างปิดทางคนโกง

ที่มา: บทบรรณาธิการ ฐานเศรษฐกิจ, ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2559

 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาสาบ้านเมืองรับตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ด้วยเหตุผลว่าต้องการทำให้บ้านเมืองสงบสุข สร้างความปรองดองในชาติ และต่อมาเมื่อรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็ได้ประกาศจัดการเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน โดยพิสูจน์แล้วด้วยการเร่งรัดดำเนินคดีหลายคดีตามกฎหมายหรือใช้อำนาจพิเศษ มาตรา 44 กับข้าราชการและนักการเมืองท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการทุจริต

 

แต่มาวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์กำลังถูกทดสอบจุดยืนที่มีต่อสังคม ว่าจะเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา โปร่งใส หรือดำเนินการอย่าง “สองมาตรฐาน” ต่อกรณีหลานชายที่ชื่อ ปฐมพล จันทร์โอชา หุ้นส่วนผู้จัดการ หจก.คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น (ลูกชายของ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม น้องชายของนายกฯประยุทธ์) ที่ถูกเปิดเผยว่า แม้จะเป็นธุรกิจรับเหมาเล็กๆ แต่กลับมีความสามารถเหนือธรรมดา ไปประมูลรับเหมางานก่อสร้างของหน่วยงานภาครัฐได้มากมาย 11 โครงการ รวมวงเงิน 155 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นสัญญาที่ทำกับกองทัพภาคที่ 3 กองทัพบก 7 โครงการ รวมวงเงิน 97 ล้านบาท โดยแจ้งสถานที่ตั้งของ หจก.คือบ้านพักในค่ายทหาร

 

ถ้าไม่ใช่นามสกุล “จันทร์โอชา” ถ้าไม่ใช่หลานนายกรัฐมนตรี ถ้าพ่อไม่เป็นอดีตแม่ทัพภาคที่ 3 และไม่ได้ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม มูลค่างานแค่กว่า 100 ล้านบาทที่ “ปฐมพล” ได้มาย่อมเป็นเรื่องธรรมดา กับการทำมาหากินของผู้รับเหมาก่อสร้าง แต่เมื่อมีการเปิดลึกในรายละเอียดของการประมูลงาน การทำงานหลังการประมูล และการแจ้งผลกำไร-ขาดทุนเพื่อเสียภาษี ก็มีเรื่องน่าแคลงใจต่อสังคมว่าคนใกล้ตัวนายกฯเป็นคนที่สะอาดและโปร่งใสเหมือนนายกฯประยุทธ์หรือไม่ และความแคลงใจนี้จะถูกปิดกลบเหมือนกับเรื่องอื่นๆที่ยังคาใจคนทั้งประเทศไหม

 

กรณี “ไม้ล้างป่าช้า” GT200 และ ALPHA 6 ที่กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรมศุลกากร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฯลฯ รวม 16 หน่วยงานรัฐจัดซื้อ 1,398 เครื่อง คิดเป็นมูลค่า1,178ล้านบาท โดยอ้างว่ามีประสิทธิภาพเสมือนเครื่องมือวิเศษที่สามารถตรวจระเบิด ยาเสพติด ได้ทั้งบนบก ใต้ดินและบนอากาศ แต่สุดท้ายถูกเปิดโปงว่าเป็นการต้มตุ๋นระดับโลกที่ต้องมีการสมคบคิดในกระบวนการจัดซื้อ

 

เรื่องที่มีความเสียหายเกิดขึ้นชัดเจนในการล้างผลาญเงินงบประมาณประเทศนับพันล้าน มีผู้เกี่ยวข้องชัดเจน แต่นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.เคยบอกให้สื่อหยุดวิจารณ์ แทนที่จะไปเร่งรัดกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ที่รับเรื่องไว้ 4 ปีแล้วแต่ไม่มีความคืบหน้า หรือไปเร่งรัดการทำงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ที่ทำคดีนี้ได้อย่างเชื่องช้า

 

เรื่ององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก(อผศ.) ไปรับงานโครงการรับจ้างพัฒนาหรือก่อสร้างปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ จากคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง แต่อผศ.รับแล้วไม่ลงมือทำเอง กลับไปจ้างช่วงต่อให้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) เข้าไปดำเนินการ ทั้งๆ ที่ ปภ.ควรจะรับงานตรงตั้งแต่แรก กระบวนการ “กินหัวคิว” อย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้กลับไม่มีใครต้องรับผิดชอบ

 

นายกฯประยุทธ์เพิ่งไปเป็นประธานในวันต่อต้านคอร์รัปชันแห่งชาติ ร่วมรณรงค์ “เปิดไฟไล่โกง” สร้างความสว่างไสวเพื่อไม่ให้คนโกงมีซอกหลืบไปหลบซ่อนแค่ไม่กี่วัน ไหนๆ ก็กล้าจัดการนักการเมืองระดับชาติ นักการเมืองท้องถิ่น และข้าราชการแล้ว นายกฯคนดี คนสะอาดก็ควรกล้ากวาดบ้านของตัวเอง ทำให้ญาติพี่น้อง เพื่อนพ้องน้องพี่ ที่อยู่ใกล้ตัวมีความสะอาดโปร่งใสเป็นอันดับแรกด้วย