หัวข้อข่าว คอลัมน์ เปลว สีเงิน คนปลายซอย: ทุกคน ‘มีได้ทั้งนั้น‘ อารมณ์น่ะ
ที่มา; ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2559
plew_seengern@yahoo.com plewseengern@gmail.com
แค่ “เจ้าของเงิน” เขาอยากรู้……….!
“ทำไมพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ต้องเหมาลำ ‘จัมโบเจ็ต‘ ตั้งเกือบ ๒๑ ล้าน ไปประชุมที่ฮาวาย?”
ก็แค่นั้นแหละ……..
ไม่มีใครว่าผิด-ว่าถูกกฎหมายซักหน่อย แต่ทำไมนายกฯ ถึงหยิ่งในอำนาจ พูดใส่หน้า “เจ้าของเงิน”
“อย่ามาจับผิด-จับถูกในเรื่องเหล่านี้ ใครอยากฟ้องร้อง ก็ไปฟ้องร้องเอา” อย่างนั้นล่ะ!?พูดแบบนี้กับประชาชนบ่อยๆ ก็คงเจริญหรอกนะ!ไหนบอก…บริหารประเทศ “ยึดประชาชนเป็นศูนย์ กลาง” ไงล่ะ?
ไปเวทีไหนๆ ทั่วโลก ก็ยกเศรษฐกิจพอเพียงอวดเขา ชักชวนเขา ว่านี่ เป็นทางรอดในสังคมยุคใหม่
แล้วแวดวงใต้บริหารตัวเองเป็นไง?
เงินภาษี คือเลือดราษฎร์………….
ใช้แต่ละบาท-แต่ละสตางค์ คำนึงถึงเลือดเนื้อที่เถือเขามา ถึงฐานะประเทศ ถึงแบบอย่างที่ดี และคำว่า “พอเพียง” กันบ้างมั้ย?
แค่งานระดับ รมต.กห.อาเซียนไปเป็นพระอันดับ รมต.กห.สหรัฐฯ ที่ประกาศแต่วันแรก “ครม.คสช.ห้ามเข้าประเทศ” นั่นน่ะ
จำเป็นที่เราต้องลนลาน “เหมาลำ” จัมโบเจ็ต ขนาด ๔๐๐ ที่นั่ง ผลาญเฉียด ๒๑ ล้าน ให้คนแค่ ๔๐ คน (กลับ ๓๘?) รีบบินไปเชียวรึ?
สหรัฐฯ น่ะ เพื่อผลประโยชน์เขา เขาจึงจิกหัวให้ไปประจี๋-ประจ๋อ
แล้วเราที่ไปล่ะ…….
อะไรคือ “ผลประโยชน์” ที่เราจะได้จากสหรัฐฯ จึงต้องรีบเหมาลำยกกันไป?
ที่อ้าง…เราไม่มีเที่ยวบินตรง เหมาลำสะดวกกว่า…ก็เข้าใจ
แต่ใครๆ ก็เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปฮาวายกันได้ โครมๆ ทุกวัน โดยไม่ต้องเหมาลำนี่
ลูกสาวเพื่อนผมแต่งงานกับหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่น เปิดร้านอาหารอยู่ฮาวาย
บินมาดูแลกิจการโรงแรมเขาที่ศรีราชา แล้วก็บินกลับไป ปีละหลายรอบ
ก็ไม่เห็นบ่นว่ายุ่งยากนี่!ที่ไปหลายคน ทั้งนายกฯ ทั้งบิ๊กป้อมบอกว่า “ประชุมต่างประเทศต้องมีหลายคณะ”
ก็…โอเค อยากไป ก็เชิญ แต่เมื่อถาม “มีใครบ้าง” โฆษกกลาโหมตอบ
“เรื่องความมั่นคง เปิดเผยไม่ได้”?
อืมมมม……….
ไอ้คำว่า “ความมั่นคง” นี่ ใครมั่นคง รัฐบาลไทยมั่นคง สหรัฐฯ มั่นคง บิ๊กป้อมมั่นคง บิ๊กตู่มั่นคง การคลังมั่นคง หรือประเทศชาติมั่นคง?
ระวังเถอะ…เอะอะก็มั่นคง เหมือนยาครอบจักรวาล ใช้ทั้งฝี ทั้งหนอง ทั้งเอดส์
ถึงจุดหนึ่ง “มันดื้อยา” ประชาชนรู้สึกไม่ชอบความมั่นคงลักษณะนี้ขึ้นมาละก็
มันจะ “ยาก” นะ!
เจ้าตัว คือรองนายกฯ ประวิตรซะอีก กลับมีคำตอบเรื่องนี้ เหมือนเอาผ้ากำมะหยี่รับก้อนอิฐ
นักข่าวถาม “…….
แปลกใจมั้ย ที่มีคนหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาเพ่งเล็ง?”
พลเอกประวิตร ตอบ
“เขาทำถูกต้อง เพราะถือเป็นเรื่องความโปร่งใส ไม่แปลกใจที่เขาจะหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นประเด็น และถือว่าตั้ง ใจพูดถึงเรื่องการใช้เงิน เนื่องจากเป็นเงินของประชาชน จะใช้อะไรก็ต้องมีการชี้แจงให้ชัดเจน
แต่ยืนยันว่า ไม่ได้ใช้ทั้งหมด เช่น ค่าอาหาร ๖ แสนบาท ซึ่งความจริงใช้ไม่ถึงและไปไม่เต็มลำ…..”
ใช่…เรื่องความโปร่งใส สำคัญมาก แล้วมันโปร่งใสมั้ย ล่ะ?
ที่พลเอกประยุทธ์ยึดอำนาจปกครองประเทศได้ง่ายๆ เพราะประชาชนรู้สึก “ไม่มั่นคง” ต่อการบริหารที่ไม่โปร่งใสของรัฐบาลยิ่งลักษณ์นี่ด้วย
อย่าว่าแต่เกือบ ๒๑ ล้านที่เหมาลำไปนี่เลย แค่ ๑๐ บาท ๑๐๐ บาท ในความเป็นเงินจากภาษีประชาชน ที่รัฐนำไปใช้จ่าย
ใช้อะไร “ผิด-ถูก” มีกฎหมาย-กฎระเบียบเป็นกรอบจัดการอยู่แล้ว
แต่ทางให้เกียรติประชาชน……..
รัฐบาลต้องมีความอดทน จริงใจ โปร่งใส ที่จะทำให้ประชาชนไว้เนื้อเชื่อใจ โดยตอบทุกข้อสงสัยที่ประชาชนข้อง
ไม่ใช่พอถูกถาม ออกลูกฮึดฮัด พูดจากระแทกแดกดัน ประหนึ่ง…ข้า องค์รัฏฐาธิปัตย์
จำเอาไว้เลย……….
“ปัตย์ไหนก็เถอะ ทำใหญ่กว่าประชาชน ไม่รอดหรอก”!
เมื่อจะสร้างจิตสำนึกใหม่สังคมชาติ จะล้างคอร์รัปชัน จะสร้างความโปร่งใสทางบริหาร จะนำเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักยึด
“ผู้นำ” ต้องนำให้ตรง!
นำนุ่งไทย นำศิลป์ไทย นำโปร่งใส-สุจริต นำประหยัด นำนั่งเครื่องบินต่อไฟลต์ นำหิ้วปิ่นโตกินเที่ยง
มันก็เริ่มเป็นตัวอย่าง “ตะล่อมสังคม” สู่จิตร่วมดีอยู่แล้ว
แต่กับเรื่อง “น้อง-เมียน้อง-ลูกน้อง” และเรื่องไปฮาวาย เหมาลำเฉียด ๒๑ ล้าน ของบิ๊กป้อม
ไม่มีใครพูดว่าโกง ว่าทุจริต ว่าคอร์รัปชันแต่ชาวบ้านเขาติเตียน เป็นเรื่องโลกวัชชะ ท้วงติงให้ตระหนัก-สำนึกด้านจริยธรรมสำนึก ว่าทำอย่างนั้น ไม่สมควร
ประชุม รมต.กห.อาเซียน เป็นงานกึ่งไพรเวต แค่ระดับรัฐมนตรี ไม่จำเป็นต้อง “ทุ่มทุนสร้าง” ถึงขนาดนั้น
ถ้าเยือนเป็นทางการระดับผู้นำประเทศ ที่เรียก state visit นั่นไปอย่าง เพราะต้องสมเกียรติทั้งเขา-ทั้งเรา และทั้งประเทศ
อย่างที่นายกฯ ประยุทธ์ไปเป็นแขกรัฐบาลรัสเซีย ระดับสเตต วิสิต เมื่อ พ.ค.๕๙ นั่นเหมาลำไป ถือว่าสมเหตุ-สมผล
พลเอกประยุทธ์ ในฐานะนายกฯ……ก็เหมือนผู้ปกครองคนเหล่านั้น เมื่อคนในปกครองทำไม่งาม ไม่ถูกกาลเทศะ ชาวบ้านเขาติฉิน ก็ควรไปสอบถามกันให้ได้ความ
ถ้าถึงขั้นกฎหมาย ก็ว่ากันไปตามกฎระเบียบ…….แต่ถ้าแค่บกพร่องทางจริยธรรมสำนึก ขัดต่อแนวทางรัฐบาลหรือแบบแผน ขอโทษได้ ก็ให้ออกมาขอโทษสังคมเขา และอย่าให้ทำอย่างนั้นอีก
ไม่ใช่ออกมาทำอารมณ์เสีย
ทำแหวทุกครั้งที่ถูกทวงถาม ราชภักดิ์ก็แล้ว ฝายก็แล้ว ตั้งบริษัทในค่ายทหารก็แล้ว เหมาลำ ๒๐ ล้านก็แล้ว
แทนที่จะเพ่งโทษคนตัวเอง เพื่อรักษาแนวทางสุจริตโปร่งใส รวมทั้งบุคลิกท่าทีประเทศ ให้ประชาชนเชื่อถือว่าหัวไม่ส่าย
นี่กลับใช้แหว “กลบเรื่อง” เป็นอาจิณ!
พูดกันเท่านี้กระมัง ขอย้ำ…เป็นเรื่อง “แนวทาง-แบบอย่าง” ไม่ได้มาตำหนิเพื่อหักล้างใคร
รัฐธรรมนูญตามบทเฉพาะกาล รัฐบาลจะคงอำนาจอยู่อีก ๕ ปี
จะ ๑๐ ปีก็ได้ แต่ต้องไม่แบบนี้
แต่ ๕ ปีที่ว่านั้น นึกกันหรือว่า ทั้งสังคมภายในชาติและสังคมโลกภายนอก จะคงสภาพปัจจุบันต่อเนื่องไปอย่างนั้นเรื่อยๆ?
ชะเง้อหน้าต่างโลกดูซิ….
สงครามโลกครั้งที่ ๓ มันเริ่มแล้ว จุดเชื้อไฟมาปี-สองปีด้วยซ้ำ หากแต่ “ภัย” ยังมาไม่ถึงตัว
และพวกเรามัวแต่ก้มหน้า-ก้มตากัดกันเองอยู่ในรู โดยไม่ดูชาวโลกเขา
มองและคิด “ปัญหาวันนี้” ให้มันกว้างและไกลออกไป สู่หนทางข้างหน้าเป็นทีหนี-ทีไล่ของสังคมชาติไว้เถอะ
ในวิกฤติจะเป็นโอกาสของชาติเรา!แต่ถ้าเอาแต่วนไล่งับหางตัวเองกันอยู่ มัวเมาแต่รำในรางตรงหน้ากันอยู่ ระยะเวลา ๕ ปีที่จะมาถึง
ชาติจะจมในวิกฤติ แทนพลิกวิกฤติเป็นโอกาส!๕ ปีข้างหน้า โลกจะไม่มีสภาพดังที่เห็นวันนี้ และนั่น…ในฐานะที่ไทยเราก็อยู่ในสังคมโลกนี้ด้วย
จะตู่ จะป้อม หรือจะใคร อยู่ในสภาพไหน ทึกทักได้ แต่จะเป็นอย่างนั้นหรือไม่……….
คำตอบมีว่า ทำปัจจุบันให้ดี ก็ไม่ต้องกลัวอนาคตจะเลว
แต่ถ้าทำปัจจุบันไม่ดี อนาคตที่หวังได้แน่นอน…คือเลว!
อันนี้ ผมไม่ได้ขู่………..
ภายใน ๕ ปีต่อจากนี้ ที่เรียนหนังสือกันมาเรื่องสงครามโลกครั้งที่ ๑ ครั้งที่ ๒ ว่าหน้าตามันเป็นยังไง?
อยู่ให้ถึง ๒๕๖๔-๖๕ ……….
แล้วจะเห็น “ของจริง”!