หัวข้อข่าว: ปัญหาของปาร์ค
คอลัมน์ เงินเงินเงิน, โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 โดย อรุณ จิรชวาลา
เมื่อปาร์คกึนเฮชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีในช่วงปลายปี 2012 และเข้ารับตำแหน่งต้นปี 2013 สังคมเกาหลีเกิดความรู้สึกขัดแย้งในตัวเอง ด้านหนึ่ง ในสังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่ การมีผู้นำสูงสุดเป็นผู้หญิงเป็นเรื่องที่ทำใจยอมรับไม่ง่ายนัก แต่อีกด้านหนึ่ง ชาวเกาหลีก็ภาคภูมิใจในภาพของความก้าวหน้า เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่มีผู้นำเป็นผู้หญิง มิหนำซ้ำยังเป็นผู้หญิงที่มีบุคลิกและหน้าตาสวยสง่าไม่แพ้ผู้นำหญิงคนใดในโลก
ปาร์คเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของเกาหลี และเป็นผู้นำหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ของเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ คือก่อนทั้งจีนและ ญี่ปุ่น
ในช่วงที่ปาร์คชนะเลือกตั้ง เธอมีคะแนนนิยมต่ำกว่า 50% เล็กน้อย ใกล้เคียงกับคู่แข่งทางการเมือง ก่อนหน้านั้น คะแนนนิยมของเธอต่ำกว่าคู่แข่งด้วยซ้ำไป แต่เธอได้ชื่อว่าเป็นราชินีแห่งการเลือกตั้งสามารถพลิกสถานการณ์จากการเป็นผู้ตามขึ้นมาเป็นผู้นำไม่เฉพาะสำหรับตัวเองเท่านั้น แต่สำหรับพรรคและกลุ่มที่เธอสังกัดด้วย
มีคนไปร่วมพิธีสาบานตนของเธออย่างล้นหลามเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งอดีตผู้นำหญิงของเราด้วย ในสุนทรพจน์ เธอให้คำมั่นกับชาวเกาหลีว่า จะทำให้เศรษฐกิจเฟื่องฟู คนเกาหลีจะอยู่ดีกินดีขึ้น และจะวางพื้นฐานไปสู่การรวมชาติกับเกาหลีเหนืออย่างสันติ
ปาร์คได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลที่สุดของเอเชียตะวันออก ความนิยมในตัวเธอในหมู่ชาวเกาหลีไต่ระดับสูงขึ้นเป็นลำดับ จนไปถึงจุดสูงสุดที่ 63% เธอกลายเป็นความหวังของชาวเกาหลีที่จะนำมิติใหม่มาสู่ตำแหน่งผู้นำ เพราะก่อนหน้าเธอประธานาธิบดีเกาหลีมักจะลงจากตำแหน่งพร้อมกับความฉาวโฉ่อัปยศ บางคนต้องใช้ชีวิตบั้นปลายรวมทั้งตายในคุกตะราง ด้วยความผิดคดีทุจริตคอร์รัปชั่น
แต่แล้วความนิยมในตัวปาร์คก็เริ่มลดลง เธอถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะขาดทักษะในการสื่อสารและไม่ออกสังคมเท่าที่ควร ตลอดหลายปีที่อยู่ในตำแหน่ง เธอพบสื่อเพียงไม่กี่ครั้ง ส่วนใหญ่อ่านแถลงการณ์เสร็จก็จบ ไม่มีการตอบข้อซักถาม มีครั้งเดียวที่อนุญาตให้สื่อมวลชนถาม แต่ต้องส่งคำถามล่วงหน้า และเธออ่านคำตอบให้ฟัง
เธอยังถูกนินทาอีกว่า ขาดทักษะในการบริหารจัดการ มีปัญหาในการคัดเลือกบุคลากรมาร่วมทีม และมีปัญหาในการปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาในสำนักประธานาธิบดี
หลังจากเกิดเรื่องเรือเฟอร์รี่ล่ม ทำให้มีเด็กนักเรียนตายหลายร้อยคน รัฐบาลของเธอถูกกล่าวหาว่าทำหน้าที่ได้ไม่ดีเท่าที่ควร มีข่าวลือด้วยว่า ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน เธอหายตัวไป คะแนนนิยมในตัวเธอลดลงอย่างต่อเนื่อง จนลงไปแตะระดับ 30%
ในช่วงเดือน ก.ย. 2015 คะแนนนิยมในตัวปาร์คกลับสูงเกิน 50% อีกครั้งหนึ่ง เธอได้อานิสงส์จากภาพลักษณ์การแก้ปัญหาการเผชิญหน้ากับเกาหลีเหนือได้ดี
แต่หลังจากนั้นเพียง 2 เดือน เธอก็เจอปัญหากลุ่มแรงงานไม่พอใจที่มีการแก้กฎหมายให้นายจ้างสามารถเลิกจ้างหรือไล่พนักงานออกสะดวกขึ้น ในกรุงโซล มีคนนับหมื่นออกมาชุมนุมขับไล่เธอ ต่อมาในช่วงต้นปีนี้ พรรคของเธอแพ้เลือกตั้งหลายพื้นที่ จนสูญเสียเสียงข้างมากในสภาคะแนนนิยมของเธอก็ลงแตะ 30% อีกครั้งหนึ่ง
ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับชอยซุนซิล ลูกสาวของอดีตหัวหน้าลัทธิหรือหมอผี ซึ่งเคยเป็นที่ปรึกษาให้กับบิดาของเธอ คืออดีตประธานาธิบดีปาร์คจุงฮี มีข่าวเรื่องตำรวจบุกตรวจค้นบ้านและสำนักงานของเจ้าหน้าที่ที่ใกล้ชิดกับปาร์คหลายคน มีการเปิดเผยว่า ชอย ซึ่งไม่มีตำแหน่งใดๆ ในรัฐบาล แต่มีเอกสารลับของทางราชการอยู่ในมือ ชอยทำตัวเป็นที่ปรึกษาในการกำหนดนโยบาย คัดเลือกบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งและตรวจแก้สุนทรพจน์ของปาร์คด้วย แต่ที่สำคัญ ชอยถูกกล่าวหาว่าใช้อิทธิพลในการขู่บังคับให้บริษัทห้างร้านบริจาคเงินจำนวนรวมหลายสิบล้านเหรียญสหรัฐให้กับมูลนิธิที่เธอจัดตั้ง นอกจากนี้ เธอยังถูกกล่าวหาว่าเข้าไปล้วงลูกกระบวนการรับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เพื่อให้ลูกสาวได้เข้าเรียน
ชาวเกาหลีนับหมื่นออกมาชุมนุมเต็มท้องถนนเพื่อขับไล่ปาร์คออกจากตำแหน่งอีกครั้งหนึ่ง คะแนนนิยมในตัวเธอลดฮวบลงไปอยู่ในระดับ 15% ปาร์คพยายามแก้ไขสถานการณ์ด้วยการให้เลขาประธานาธิบดีและคนใกล้ชิดอีกหลายคนลาออกจากตำแหน่ง เพราะมีประวัติความสัมพันธ์กับชอย
สำหรับความหวังที่จะแก้กฎหมายเพื่อให้เธอลงเลือกตั้งได้เป็นสมัยที่ 2 เป็นอันพับไป ส่วนพรรคฝ่ายค้านยังไม่ร่วมเรียกร้องให้เธอลาออก รวมทั้งไม่ดำเนินการในการถอดถอนเธอออกจากตำแหน่ง แต่เธอถูกวิจารณ์ว่าตกอยู่ในสภาพเป็ดง่อยเร็วกว่าผู้นำในอดีตเสียอีก
ปาร์คเหลือเวลาอยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดีอีกเพียงปีเศษ ผมเชื่อว่าเธอน่าจะอยู่ได้จนครบวาระ แต่เมื่อถึงเวลาก็อาจต้องก้าวลงจากตำแหน่งพร้อมกับความอัปยศเช่นเดียวกับประธานาธิบดีคนก่อนๆ
ผมมีข้อสังเกตอีกบางประการเกี่ยวกับผู้นำหญิงของเกาหลีคนนี้ ดังนี้
หนึ่ง หากเปรียบเทียบกับนักการเมืองไทย ต้องบอกว่าข้อกล่าวหาของปาร์คเบาหวิวยิ่งกว่าปุยนุ่น เพราะเธอไม่ได้ถูกกล่าวหาว่าทุจริตคนเกาหลีโกรธที่ผู้นำของเขาดูเหมือนอยู่ใต้อิทธิพลของหมอผี มีคนเปรียบชอยกับปาร์คเหมือนรัสปูตินกับราชวงศ์โรมานอฟของรัสเซียในอดีต
พึงสังเกตว่า ในบ้านเรา การเชื่อโชคลางและทำตามคำแนะนำของหมอดู ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับนักการเมือง ไม่เคยมีใครถูกชาวบ้านออกมาชุมนุมประท้วงเพราะเรื่องเหล่านี้
สอง การขอคำปรึกษาจากคนใกล้ชิดที่ไม่อยู่ในตำแหน่ง เช่น บุคคลในครอบครัวหรือเพื่อนสนิท ในกรณีทั่วไปน่าจะถือเป็นเรื่องปกติและไม่น่าจะมีความผิดแต่ประการใด ในทางตรงข้าม หากมีการให้ตำแหน่งคนเหล่านั้น อาจกลับถือเป็นความไม่โปร่งใสด้วยซ้ำไป
สาม ปัญหาของปาร์คมีส่วนคล้ายของ ฮิลลารี คลินตัน คือ ไม่เกี่ยวกับคอร์รัปชั่น แต่เป็นเรื่องของความไม่รอบคอบในการเก็บรักษาข้อมูลที่เป็นความลับของทางราชการ อย่างมากก็น่าจะเป็นเรื่องความประมาท ไม่ได้ผิดกฎหมายร้ายแรง
ข้อสุดท้าย ผมอดคิดไม่ได้ว่า ปัญหาที่แท้จริงของปาร์ค เรื่องหลักคือเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องรองคือเรื่องเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสำคัญกับชาวเกาหลีสูง และปาร์คก็เคยให้สัญญาไว้ แต่กลับทำไม่สำเร็จ
ปาร์คก็คงเหมือนกับนักการเมืองทั่วไป ที่ชอบให้สัญญากับประชาชนโดยไม่มีแนวทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม
หากปาร์คทำตามสัญญาได้ในทั้งสองเรื่อง หรือแม้แต่เรื่องเดียวคือ เรื่องเศรษฐกิจ ก็เชื่อว่าปัญหาเกี่ยวกับชอยจะไม่มีผลกระทบมากนัก
ก่อนจบ เพื่อไม่ให้เกิดการเข้าใจผิด ต้องบอกว่าคนเกาหลีจะรู้สึกว่าเศรษฐกิจของเขาแย่ แต่เศรษฐกิจเกาหลีก็ยังขยายตัวเร็วกว่าเศรษฐกิจไทย